เล่าเรื่อง “เซียนแปะโรงสี ” (อีกครั้ง)

“แปะโรงส

เล่าเรื่อง “เซียนแปะโรงสี ” (อีกครั้ง)

“แปะโรงสี หรือท่านอาจารย์โง้วกิมโคย
สำหรับพุทธคุณ ประสบการณ์หรือ ขนาดว่า แค่อัดรูปเหมือนท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสกไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป บางท่านเรียกผ้ายันต์กันไฟเพราะประสบการณ์เรื่องกันไฟก็เยี่ยมครับ และสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวงได้ด้วย ท่านเป็นอาจารย์ของเจ้าสัวในเมืองไทยมีชื่อเสียงหลายท่าน.

วัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวนมีศาลเจ้าไม้เล็กๆ อยู่ (ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า” เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป.

ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำ และชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ ท่าน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป พร้อมทั้งบอกเล่าต่อๆ กันไป ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า

“เซียนแปะ”

นานคําร่ําลือที่ศิษย์ทุกคนยอมรับท่านอาจารย์
โง้วกิม โคย พุทธคุณ ประสบการณ์ขนาดว่า แค่อัดรูปเหมือนท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสกไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป ส่วนยันต์ด้านข้างเป็นยันต์ฟ้าประทานพร ผู้ใดที่มีจะพบแต่คำว่า ดี เฮง รวย และสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวงได้ด้วยครับ บางท่านเรียกผ้ายันต์กันไฟเพราะประสบการณ์เรื่องกันไฟก็เยี่ยมครับ

ท่านเป็นอาจารย์ของเจ้าสัวระดับประเทศ ที่คอของเจ้าสัวท่านนี้จะห้อยเหรียญอาแปะเพียงแค่เหรียญเดียวเท่านั้น อาแปะช่วยแก้ไขฮวงจุ้ยจนเจ้าสัว รายนี้ และอีกหลายๆท่าน รวยระดับประเทศกันมาแล้ว และนับเป็นอาจารย์คนแรกของเครือซีพี (CP) ที่เป็นคนดูโหงวเฮ้งพนักงานก่อนที่ซีพีจะรับเข้าทำงาน

(ปัจจุบันนี้คนที่ดูโหงวเฮ้งให้ทางซีพีก็ยังคงเป็นศิษย์ที่รับวิชาถ่ายทอดต่อจากอาแปะ โรงสีท่านนี้นี่เอง)

นอกจากนี้อาแปะท่านยังเป็นอาจารย์สอนการดูโหงวเฮ้งให้กับอาจารย์หมอดู ชื่อดังมากมายหลายท่านที่มีชื่อในปัจจุบัน (แต่อาแปะไม่เคยคิดเงินจากผู้อยากรู้และท่านตกลงสอนนะครับ)

ของดีของท่านแปะ เค้าว่ากันว่า หากมีไว้ครอบครองแล้วเฮงๆรวยๆสุดๆ ครับ

สำหรับ ประวัติของท่านมีคนทราบน้อยมากและตำรับตำราก็ไม่มีให้อ่านจึงต้องศึกษาจากผู้รู้ครับ คนจีนที่เป็นระดับเจ้าสัวแถวเยาวราชนับถือมาก หรือถามผู้รู้เรื่องราวในสมัยที่แปะยังมีชีวิตอยู่เล่า ซึ่งก็รู้จริงบ้าง แต่งเติมกันไปก็มี.

ในสมัยอดีตถ้าใครมีโอกาสให้ท่านดูฮวงจุ้ยเสริมดวง ล้วนได้เฮง ๆ รวย ๆ สุด ๆ

ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ดูฮวงจุ้ยให้กับทางเจ้าสัว ซีพี จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทยมาแล้ว และ ผู้บริหารเครือเซ็นทรัล และอีกหลายๆคน ล้วยผงาดในวงการธุรกิจ ในกาลต่อมาทุกรายไปหรือสำหรับท่านใดที่อยากเฮงๆ รวยๆ โดยที่ไม่อยากแขวนพระ หรือมีเรื่องติดขัดด้านทุนทรัพย์ ก็ไปกราบขอพร ท่านได้ที่ศาลเจ้า อาแปะโรงสี”โง้ว กิม โคย” กันได้ ที่นั่นจะมี โอ่ง อักษรมงคลจีนศักดิ์สิทธิ์มีพลังงานเข้มขลังด้านในจะมีน้ำทิพย์ฟ้าประทานพร ให้ได้ปะพรม สำเร็จตามที่อธิฐานกันทั่วหน้า อย่างแทบไม่น่าเชื่อ .!

นำทิพย์ฟ้าประทานที่ ศาลเจ้าแห่งนี้ หากนำมาประพรมกันได้ เฮง ๆ ดี ๆ โชคดีมีโชคลาภเงินทองกัน.

สำหรับ ล็อกเก็ต อาแปะโรงสี “โง้ว กิม โคย” หรือยันต์
แม้รูปหล่อท่าน หรือเพียงภาพถ่าย ภาพวาด ผู้ได้ครอบครองก็จะ เฮง เฮง เฮง , รวย รวย รวย ทำมาค้าขึ้น สำเร็จตามที่ปราถนากันมากมาย.

(หลายคนที่อ่านนี้ก็คงมีไว้ครอบครอง หรือเคยเห็นกันมาบ้าง)

ทีนี้จะเล่าประวัติ.

นายกิมโคย แซ่โง้ว เกิดที่ประเทศจีน ตำบลเท้งไฮ้ ได้เข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ ๑๐ ปี

เมื่อเติบโตพอที่จะประกอบอาชีพ ก็ได้รับจ้างทั่วไป รวมทั้งค้าข้าวเปลือก กิจการค้าข้าวเปลือกดีขึ้น จึงได้ร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีข้าว ที่ปากคลองบางโพธิ์ล่าง ปัจจุบัน คือ ต.บางเดื่อ จ.ปทุมธานี

เมื่ออายุประมาณ ๒๒ ปี ได้สมรสกับ นางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรด้วยกัน ๑๐ คน พร้อมทั้งได้ย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตนเอง ที่ปากคลองเชียงราก เยื้องวัดศาลเจ้า โรงสีตั้งอยู่บน ต.บางกะดี ชื่อ “โรงสีไฟทองศิริ” และได้โอนสัญชาติไทย พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น นายนที ทองศิริ กิจการโรงสีดีขึ้น และมั่นคงขึ้นมาก จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เรียกขานนามท่านว่า “เถ้าแก่กิมโคย” หรือ “แปะกิมโคย” แม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบกินหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไป

ในยุคนั้น หน้าวัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวน มีศาลเจ้าไม้เล็กๆ อยู่ (ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า”เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป

ในช่วงนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ส่วนใหญ่การเดินทางจะเป็นทางน้ำ การบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างไม่หยุดหย่อน และได้ใช้การพายเรือไปช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่างๆ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยท่านให้สามารถบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าไม้เล็กๆ ริมน้ำมาเป็นศาลเจ้าที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ได้

นอกจากการบูรณะศาลเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า เป็นวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑ ถึงวันขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๑ รวม ๔ วัน ๔ คืน ซึ่งทางชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า “เจียง่วย ชิวโหงว” ถึง “เจียง่วย ชิวโป้ย” โดยถือเป็นประเพณีตลอดมา
ในการจัดงานประจำปี บางปีจะมีลมฝนมืดครึ้ม คาดคะเนกันว่า จะมีพายุใหญ่ ท่านจะจุดธูปเพื่อปัดเป่าลมฝนไป ซึ่งฝนก็จะไม่ตก ท้องฟ้าแจ่มใส ผู้คนที่พบเห็นแจ้งว่าท่านอยู่ระหว่าง “เข้าทรง” โดยเชื่อว่า ท่านมีองค์ประทับอยู่ และยังเชื่อกันอีกว่าองค์ที่ประทับอยู่นั้นเป็น “เจ้าพ่อปู่ของศาลเจ้าพ่อ” วัดศาลเจ้า นั่นเอง

เมื่อผู้คนที่มีความเชื่อมั่นและศรัทธา ขยายวงกว้างออกไปในหมู่พ่อค้าทุกๆ วงการค้า ทำให้ท่านมีศิษย์มากขึ้นและต่างเรียกท่านว่า “หวยลั้งเซียน”
เมื่อการคมนาคมสะดวกขึ้น ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่าน และให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับ “ฮวงจุ้ย” ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ให้คำแนะนำทุกรายไป แม้กระทั่งในต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอ ซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย
ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ คน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจการค้า เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น จนเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป

ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า “เซียนแปะ” จนกระทั่งทุกวันนี้.

เมื่อประมาณปี ๒๕๑๘ ท่านได้ก่อสร้างตึกศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าใหม่ โดยปรับปรุงจากเรือนไม้เป็นอาคาร ๘ เหลี่ยม ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่ศรัทธาท่าน และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ทุกๆ วงการ รวมทั้งบุตรหลานในครอบครัวของท่าน โดยใช้เงินในการก่อสร้างกว่า ๗ แสนบาท ก่อสร้างเสร็จพร้อมทั้งทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. ๒๕๑๙

“เซียนแปะ” เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็ผ่ายผอมลง หลังโค้งงอ แต่ก็ยังคงช่วยเหลือชี้แนะบรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไป โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เช่นที่เคยปฏิบัติมาตลอด อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนเป็นที่เคารพรักของบรรดาศิษย์ทุกคน.

จนกระทั่งอายุ ๘๕ ปี เมื่อปลายปี ๒๕๒๕
ท่านเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท จนถึงเวลา ๐๕.๓๐ น.ของเช้าวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๖ ท่านก็ได้ถึงแก่กรรม ด้วยความสงบ.

หลังจากเสร็จพิธีงานศพ บรรดาศิษย์ และครอบครัว ได้ก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ไว้ที่หลังศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า โดยใช้ชื่อว่า “ศาลานที ทองศิริ” พร้อมทั้งตั้งรูปปั้นจำลองขนาดเท่าตัวจริง เพื่อไว้ให้เป็นที่สักการะ และเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่บรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไป

ทุกวันนี้ “เจียง่วย ชิวโหงว” ถึง “เจียง่วย ชิวโป๊ย” เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปของศิษย์และชาวบ้านชาววัดศาลเจ้า และใกล้เคียง ที่ยังคงระลึกถึงท่าน จะพร้อมใจกันมาสักการะท่าน พร้อมทั้งร่วมงานประจำปี ซึ่งมีการแสดงงิ้ว ของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า ตามที่ “เซียนแปะ” เป็นผู้กำหนดวันไว้

และนี่เป็นเรื่องราว และเป็นตำนาน ที่ถูกกล่าวขานถึงด้วยความศรัทธาของผู้คน ตราบจนทุกวันนี้.

.─┅═ই꧁ஓ _______ ஓ꧂ই═┅─

ภาพ เซียน แปะโรงสี ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
จึงนำมาให้ได้ดูกัน เป็นภาพถ่ายที่หาชมไม่ง่ายเลย .

(ท่านได้เคยเห็นกันบ้างหรือไม่ ? .. แต่ที่นี่คุณได้เห็น).

.─┅═ই꧁ஓ _______ ஓ꧂ই═┅─

คำอธิฐานขอพร อาแปะโง้วกิมโคย (เซียนแปะโรงสี)

” เทียน กัว สื่อ ฮก โหงว ลี่ ”

ขอให้ฟ้าประทานพร โชคลาภ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว.

” เซียน แปะโรงสี ”

เพจ เรื่องเล่า ภาพเก่า ในอดีตราชบุรี. ®.



โดยสมาชิก ชื่อ ก้อง สนธยา
จากกลุ่ม ชมรมพระแท้หลวงปู่โต๊ะ และ พระแท้เกจิดังยอดนิยม การันตีดังๆโดย โอ วัดทองบน