สวัสดีวันเสาร์ครับ เพื่อน พี่ น้อง ครูอาจารย์ทุกท่าน

😘😘😘สวัสดีวันเสาร์ครับ เพื่อน พี่ น้อง ครูอาจารย์ทุกท่าน
นำแหวนพิรอด หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน อำเภอบ้านทวน จังหวัดกาญจนบุรี
มาให้ชมเพื่อการศึกษาครับ😊😊😊

ประวัติ พระครูสิงคิคุณธาดา (ม่วง จันทสโร) วัดบ้านทวน
หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน หรือ พระครูสิงคิคุณธาดา (ม่วง จันทสโร) วัดบ้านทวน อำเภอบ้านทวน (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอพนมทวน) จังหวัดกาญจนบุรี ถือเป็นพระเถระยุคเก่าที่เป็นที่เคารพนับ ถือเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์จะค่อนข้างที่จะหายาก จนมีคำกล่าวขวัญถึงวัตถุ มงคลของหลวงพ่อว่า “ถ้าใครมีเหรียญของวัดบ้านทวน ใครจะมาก่อกวนก็ไม่ต้องกลัวอะไร”
หลวงพ่อม่วง เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 3 ค่ า เดือน 3 ปี พ.ศ. 2378 ณ บ้านทวน จังหวัดกาญจนบุรี โยม บิดาชื่อ มั่น โยมมารดาชื่อ ใย มีพี่น้องด้วยกัน 3 คน พอหลวงพอ่ม่วงมีอายุได้ 11 ปี โยมบิดาและโยม มารดา ได้นำหลวงพ่อม่วงไปฝากกับพระอธิการศรี เจ้าอาวาสวัดบ้านทวนในสมัยนั้น ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ ใกล้บ้าน เพื่อให้หลวงพ่อม่วงได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยและและหนังสือขอม ตามแบบอย่างโบราณ

สมัยก่อนนั้นการเล่าเรียนเขียนอ่านทั้งหลายต้องไปร่ำเรียนที่วัดกุลบุตรที่ไปเรียนต้องปรนนิบัติ อุปฐากอาจารย์ คือเป็นศิษย์พระ รับใช้ท่าน กินนอนที่วัดเสร็จหรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่าเด็กวัด ไม่ต้อง เสียค่าเล่าเรียนแต่อย่างใดเลย โดยการเรียนนั่น ไม่ใช่ว่าจะร่ำเรียนแต่หนังสือแต่อย่างเดียว แต่ยังได้ ฝึกวิชาการต่างๆ อกีมากมายแลัวแต่ว่าพระอาจารย์นั้นจะประสิทธิ์ประสาทวิชาอะไรให้บ้าง เช่น การช่างและวิทยาคุณอื่นๆ เนื่องจากวัดถือเป็นแหล่งกำเนิดศิลปะวิทยาการต่างๆ หลวงพ่อม่วง ท่าน ได้ศึกษาเล่าเรียนด้วยความขยันหมั่นเพียร จนสามารถออกเขียนได้สมควรแก่ความนิยมในสมัยนั้น แล้ว ก็ได้ลาพระอธิการศรีกลับมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ได้เป็นกำลังของครอบครัว
จวบจนเมื่อหลวงพ่อม่วง มีอายุได้ 21 ปี จึงเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านทวน โดยมีพระอธิการ ศรี เป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์ช้าง วัดบ้านทวน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “จันทสโร”
ในส่วนของพระอนุสาวนาจารย์นั้น ไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ว่าเป็นพระองค์ใด จะมีก็แต่คำบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ว่า เป็นพระธุดงค์มาจากจังหวัดสมุทรสงคราม มีวิชาทำแหวนพิรอดอันลือชื่อถักลวดลายได้งดงาม มีทั้งแหวนพิรอดใส่นิ้วและสวมแขน ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่หลวงพ่อม่วงใน เวลาต่อมา
หลังจากที่หลวงพ่อม่วงได้บวชแล้ว ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนท่องบทสวดมนต์ และพระปาฏิโมกข์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากเรียนพระปริยัติธรรมแล้ว ท่านยังชอบเรียนวิชากรรมฐาน สมถะ วิปัสสนาธุระ และฝึกพลังจิต นอกจากนี้หลวงพ่อม่วง ท่านยังได้เดินรุกขมูลธุดงค์ในป่าลึก เพื่อ ฝึกฝนตนเองตามแบบอย่างพระในสมัยโบราณ สมัยก่อนการเดนิทางทุรกันดารจริงๆไม่เจริญเหมือน ทุกวันนี้ และอาณาเขตเมืองกาญจนบุรีติดต่อกับประเทศพม่า การเดินธุดงค์ก็นิยมไปนมัสการเจดีย์ช เวดากองเมืองย่างกุ้งพระมุเตาเมืองหงสาวดี และหลวงพ่อม่วง ท่านก็ธุดงค์ไปถึงพม่า จึงนับว่าท่านมีความอดทนต่อความยากลำบากด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
หลวงพ่อม่วง ท่านเป็นผู้ที่ขยันและเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย ไม่เคยขาดทำวัตรสวดมนต์ สนใจใน การศึกษาเล่าเรียน หลังจากอุปสมบทได้ 8 พรรษา ก็ได้เป็นพระคู่สวดประจำวัดบ้านทวน พอถึง พรรษาที่ 12 พระอธิการศรี มรณะภาพลง ท าให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง ชาวบ้านทวนจึงร่วมกัน นิมนต์หลวงพ่อม่วงขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านทวนสืบต่อแทน และเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านทวน เรียกว่า เจ้าอธิการม่วง
ด้วยความที่หลวงพ่อม่วง ท่านเป็นพระที่มีความสามารถทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จึงมีคน เลื่อมใสเคารพนับถือเป็นอันมาก พอพรรษาที่ 21 ได้เป็นพระอุปัชฌายะ อุปสมบทกุลบุตรปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมากมาย ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะแขวงอำเภอบ้านทวน
ปี พ.ศ. 2458 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ ร.6 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ในมณฑลราชบุรี เสด็จเมืองกาญจนบุรี ทรงเห็นว่าคณะสงฆ์ในจังหวัด กาญจนบุรีมีความสงบเรียบร้อย ก็โปรดและทรงยกย่องเจ้าวัดเจ้าคณะนั้นๆ นับแต่พระครูวิสุทธิรังสี (เปลี่ยน) เจ้าคณะเมือง ตลอดมาถึงเจ้าคณะ แขวงอ าเภอและพระคณาธิการ ในขณะนี้หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน อายุเวลานั้นชราถึง 92 ปีแล้ว ได้เดินทางไปรับเสด็จถึงเมืองกาญจนบุรี และทูลการงาน ได้คล่องแคล่ว ด้วยคณุงามความดีของเจ้าอธิการม่วง หลังจากที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ได้เสร็จ สิ้นการตรวจการแล้ว ท่านได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสัญญาบัตรให้เจ้าอธิการม่วง วัดบ้านทวน เจ้าคณะแขวงฯ เป็นที่พระครูสิงคิคุณาธาดา ในปี พ.ศ. 2459
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (12 เมษายน พ.ศ. 2403 – 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464) เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงัฆปริณายก พระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จ สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้รับมหาสมณุตตมาภิเษกเมื่อปี พ.ศ. 2453 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด ารงพระอิสริยยศ 11 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2464 พระชันษา 61 ปี 112 วัน
หลวงพ่อม่วง (พระครูสิงคิคุณธาดา) บำรุงศาสนกิจมาด้วยความเรียบร้อย ท่านไม่เคยเจ็บป่วยออด แอด แต่พอชรามากกห็นีกฎธรรมชาติไม่พ้น ได้ถึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2471 สิริอายุได้ 93 ปี พรรษา 71ได้ทิ้งคุณงามความดีไว้เป็นที่ร่ าลือมาจนทุกวันนี้.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน
1.แหวนพิรอด หลวงพ่อม่วง แหวนพิรอด หลวงพ่อม่วง สร้างด้วยผ้าดิบหรือผ้าห่อศพในสมัยก่อนลองอักขระยันต์ตามตำหรับที่ หลวงพ่อม่วง ท่านร่ำเรียนมาจากพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน ที่เดินธุดงค์มาจากจังหวัด สมุทรสงคราม โดยเมื่อลงอักขระยันต์เสร็จแล้ว จึงม้วนควันเป็นเชือกและถักเป็นแหวน เสร็จแล้วจึง ลงรักจีนไว้ เมื่อบริกรรมคาถาแล้วจึงโยนเข้ากองไฟ ถ้าวงไหนไม่ถูกไฟไหม้ถือว่าใช้ได้ จึงค่อยนำมาแจกจ่ายกันในหมู่ลูกศิษย์จัดเป็นวัตถุมงคลอีกประเภทของหลวงพ่อม่วงที่หาชมของแท้ได้ยากแล้วใน ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างพิรอดแขนอีกด้วย
หลวงพ่อม่วง เมื่อได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสิงคิคุณาธาดา บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพเลื่อมใส ได้แสดงมุทิตาจิตทำบญุฉลองเป็นงานใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในปี พ.ศ. 2463 ได้ออกเหรียญรูปไข่ เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ห่มลดไหล่ เหรียญหลวงพ่อม่วงนั้น มี 2 แบบ คือแบบเหรียญหล่อและเหรียญ ปั๊ม สามารถจำแนกออกเป็นพิมพ์ต่างๆได้ดังนี้
2.เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่ พ.ศ. 2463 เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่ สร้างในราวปี พ.ศ. 2463 มีการสร้างด้วยเนื้อ โลหะทองแดง มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่ มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจด บันทึกไว้ ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎ ิด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ ว่า “พระครูสิงคิคุณธาดา” มีอักขระขอมรอบเหรียญ 16 ตัวอ่านได้ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ” มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม 7 คัมภีร์ ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า “อิโส มิโส โมอะ นะ ลือ”
3.เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าหนุ่ม พ.ศ. 2463 เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าหนุ่ม สร้างในราวปี พ.ศ. 2463 มีการสร้างด้วยเนื้อ โลหะทองแดงเพียงอย่างเดียว มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่ มีหูเชื่อม จำนวนการ จัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎ ิด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ ว่า “พระครูสิงคิคุณธาดา” มีอักขระขอมรอบเหรียญ 16 ตัวอ่านได้ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ” มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม 7 คัมภีร์ ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า “อิโส มิโส โมอะ นะ ลือ”
4.เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่โบราณ พ.ศ. 2463 เหรียญหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์หน้าแก่โบราณ สร้างในราวปี พ.ศ. 2463 มีการสร้างด้วยเนื้อ โลหะทองแดงเพียงอย่างเดียว มีลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างกระบอกรูปไข่ มีหูเชื่อม จ านวนการ จัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ ว่า “พระครูสิงคิคุณธาดา” มีอักขระขอมรอบเหรียญ 16 ตัวอ่านได้ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ” มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม 7 คัมภีร์ ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า “อิโส มิโส โมอะ นะ ลือ”
5.เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์ยันต์เล็ก พ.ศ. 2463 เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์ยันต์เล็ก สัญนิษฐานว่าสร้างในราวปี พ.ศ. 2463 มีลักษณะ พิมพ์คล้ายเหรียญปั๊ม แต่ใช้วิธีการสร้างด้วยการหล่อโลหะแทน จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะที่หลากหลาย สามารถจ าแนกออกได้เป็น เนื้อเงิน เนื้อสำริด เนื้อฝาบาตร และเนื้อดีบุก มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อ รูปไข่ มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎ ิด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ ว่า “พระครูสิงคิคุณธาดา” มีอักขระขอมรอบเหรียญ 16 ตัวอ่านได้ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ สัง วิ เพา ปุ กะ ยะ ปะ” มาจากพระคาถาอิติปิโส มงคลฯ กับหัวใจพระธรรม 7 คัมภีร์ ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า “อิโส มิโส โมอะ นะ ลือ”
6.เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์ยันต์ใหญ่ พ.ศ. 2463 เหรียญหล่อหลวงพ่อม่วง รุ่นแรก พิมพ์ยันต์ใหญ่ ลักษณะเป็นเหรียญหล่อโบราณ สัญนิษฐานว่าสร้าง ในราวปี พ.ศ. 2463 จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะที่หลากหลายสามารถจ าแนกออกได้เป็น เนื้อเงิน เนื้อ ส าริด เนื้อฝาบาตร และเนื้อดีบุก มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อรูปไข่ มีหูเชื่อม จำนวนการจัดสร้างไม่ได้ มีการจดบันทึกไว้ ด้านหน้า มีรูปหลวงพ่อม่วงครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิด้านล่างมีอักขระภาษาไทนอ่านได้ ว่า “พระครูสิงคิคุณธาดา” มีอักขระขอมรอบเหรียญ 8 ตัว ด้านหลัง มีข้อความว่า “ที่ระฤก อุปชาวัดบ้านทวน” และมีอักขระขอมอ่านได้ว่า “อิโส มิโส โมอะ นะ ลือ”
ด้านพุทธคุณของเหรียญของหลวงพ่อม่วงนี้ มีผู้คนนิยมแสวงหากันเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะมี ประสบการณ์ในทางมหานิยม และแคล้วคลาดอันตราย อยู่ยงคงกระพันชาตรี ก็มีคนเห็นฤทธิ์กันมา มากชนิดว่าเหนียวแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว ปัจจุบันจัดเป็นพระที่หาได้ยากแล้ว ด้วยเป็นเหรียญยุคก่อน ออกมานานแล้วจนมีค ากล่าวติดปากของคนในพื้นที่ว่า “ใครมีเหรียญวัดบ้านทวน ใครจะมาก่อกวนก็ไม่ต้องกลัว”
ข้อสังเกตุ : จากประวัติเก่าที่บอกเล่าว่าท่านเกิดปี พ.ศ. 2366 เมื่อนับอายุของหลวงพ่อ ณ ตอนที่สมเด็จพระมหา สมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลราชบุรี 5 จังหวัดคือ สมุทร สงคราม,ราชบุรี,กาญจนบุรี,เพชรบุรี,และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2458 นั้นแปลว่าหลวง พ่อม่วงมีอายุ 92 ปีแล้ว และหลังจากนั้น 1 – 2 ปีท่านถึงได้รับสมณศักดิ์ที่พระครูสิงคิคุณาธาดา ซึ่งน่าจะอยู่ในราวปี พ.ศ. 2459 – 2460 ท าให้ความน่าเชื่อเดิมที่ว่าท่านมรณะภาพในราวปี พ.ศ. 2455 นั้น จึงไม่เป็นความจริง และด้วยพุทธลักษณะของเหรียญด้านหน้าคล้ายกับเหรียญของหลวงพ่อฟัก วัดบ้านโป่ง ราชบุรี ที่สร้างในปี พ.ศ. 2461 และด้านหลังคล้ายกบัเหมือนกับเหรียญของหลวงพ่อม่วง วัดคุ้งกระถิน จังหวัดราชบุรี ที่สร้างในปี พ.ศ. 2463 ซึ่งน่าจะสร้างไล่เลี่ยกันและสร้างจากโรงปั๊ม เหรียญเดียวกัน
ก็น่าเชื่อได้ว่า ประวัติของท่านผิดพลาดที่ป ีพ.ศ. เกดิ หรือปีที่ท่านมรณะภาพ ซึ่งน่าจะมีการจ าสับสน หรือบอกเล่าผิดๆกันมาแต่แรก เพราะฉนั้นหลวงพ่อม่วงน่าจะมรณะภาพหลังปี พ.ศ. 2460 อย่าง แน่นอนและที่ส าคัญคือเหรียญของหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน สร้างทันท่านอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ต้องสืบหากันต่อไป







โดยสมาชิก ชื่อ นพดล ประเสริฐผล
จากกลุ่ม เครื่องราง พระเครื่อง เมืองไทย