ขออนุญาตเปิดคับ.. ปะกันแท้
รายการที่-1=16/10/65
ขออนุญาตเปิดคับ.. ปะกันแท้
รายการที่-1=16/10/65
เหรียญที่ระลึก ( อ.ก) งานผูกพัทสีมาวัดฝังลูกนิมิต
วัดบางพลีใหญ่กลาง จ.สมุทรปราการ พ.ศ ๒๔๗๘
ข้างเลื่อย ปลุกเสกโดย หลวงปู่ กิ่ม วัดบางพลีใหญ่กลาง -หลวงปู่ เผือก วัดกิ่งแก้ว และเกจิเมืองปากนำ้
ในสมัยนั้น ร่วมเสก จัดว่าเป็นอีกสำนัก ที่น่าแขวน
วัดบางพลีใหญ่กลาง สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี
พ.ศ ๒๓๖๗ ชาวบ้านเรียกว่า” วัดกลาง ” เพราะตั้งอยู่ระหว่างวัด บางพลีใหญ่ใน กับ วัดคงคาราม หรือ
( วัดยายหนู ) ซึ่งเป็นวัดสร้างเดิม ที่ตั้งวัดเป็นที่ดินของนายช้าง หมื่นราษฎร์ โดยนายน้อย หมื่นราษฎร์
พี่ชายเป็นผู้สร้างขึ้น และได้ขนานนามวัดใหม่ว่า
” วัดน้อยปทุมคงคา ” เพราะได้ขุดสระปลูก บัวหลวง
ไว้ด้วย ต่อมาเปลี่ยนนามวัดใหม่ว่า ” วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ” และครั้งสุดท้ายได้เปลี่ยนชื่อเป็น
” วัดบางพลีใหญ่กลาง ” โดยมิปรากฏว่าเปลี่ยนตอนสมัยเจ้าอาวาสรูปใด วัดบางพลีใหญ่กลาง ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน
พ.ศ ๒๔๗๘ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ในด้านการศึกษา ทางวัดจัดให้มีการ เรียนพระปริยัติธรรม ตลอดมา นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติ โดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ ให้ที่วัด สร้างโรงเรียน ทั้งระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ด้วยเจ้าอาวาส ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งหมด ๘ รูป ได้แก่
รูปที่ ๑ พระอาจารย์ ชำ
รูปที่ ๒ พระปลัด กรุต
รูปที่ ๓ พระอาจารย์ พ่วง
รูปที่ ๔ พระอาจารย์ เสม
รูปที่ ๕ พระอรรถโกวิทวุฒิคุณ ( หลวงปู่ กิ่ม )
รูปที่ ๖ พระครูโสภณธรรมมาภรณ์
รูปที่ ๗ พระครูปลัด ไพศาล
รูปที่ ๘ พระครูกพิสารวุฒิกิจ
เจ้าคุณพระอรรถโกวิทวุฒิคุณ กิ่ม นาคเสโน
( กิ่ม แจ่มแจ้ง ) อดีตเจ้าอาวาส วัดบางพลีใหญ่กลาง
อดีตเจ้าคณะอำเภอ บางพลี และท่านยังเป็น เจ้าคุณรูปแรกของ อำเภอ บางพลี
#ประวัติพระอรรถโกวิทวุฒิคุณ
หลวงปู่กิ่ม นาคเสโน (กิ่ม แจ่มแจ้ง) เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ที่ตำบลพญาแพรก อำเภอเมือง จังหวัดพระประแดง (สมุทรปราการในปัจจุบัน) อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๓ ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และจำพรรษาอยู่ ที่วัดนี้ตลอดมา ภายหลังได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเจ้าอาวาส วัดบางพลีใหญ่กลางเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอบางพลี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้รับแต่งตั้งให้เป็น กรรมการสงฆ์จังหวัด สมุทรปราการ ท่านได้สมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญชนที่” พระอรรถโกวิทวุฒคุณ ”
ในระหว่างที่ ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าคณะอำเภอบางพลีนั้น ท่านได้ขยายการศึกษา ทางพระปริยัติธรรม อย่างกว้างขวางไปยังวัดต่างๆในอำเภอบางพลี ส่วนการศึกษาทางโลกนั้น ท่านได้เห็นความสำคัญทางการศึกษา ชาวอำเภอบางพล จึงริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เดิมโรงเรียนนี้มิได้สร้างเป็นตัวโรงเรียน ใช้ศาลาการเปรียญเป็นโรงเรียนชั่วคราว ต่อมาท่านพระครูอรรถโกวิท เจ้าคณะอำเภอบางพลี มีความเห็นว่าเด็กนักเรียนต้องอาศัยศาลาการเปรียญ เป็นสถานที่เรียนนั้นไม่เหมาะสม ควรจะมีโรงเรียน โดยเฉพาะเท่านั้น จึงได้บริจาคเงินส่วนตัว ตลอดจนเครื่องประกอบการก่อสร้าง และเครื่องใช้ต่าง ๆ แล้วร่วมกับนายม้าน ช้างแก้ว ศึกษาธิการอำเภอ ขณะนั้นขอความร่วมมือจากประชาชน พ่อค้า คหบดี ในตำบลนี้ร่วมกันเป็นจำนวนเงิน ๓,๕๐๐ บาท (สามพันห้าร้อยบาท) จึงให้นายเคลือบ ชุ่มชื่น ช่างไม้คนไทยในตำบลนี้สร้าง ขึ้นเป็นโรงเรียนถาวร แบบ ป. และรัฐบาลได้ให้เงินสมทบในการก่อสร้าง โรงเรียนนี้ รวมเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท สร้างเป็นโรงเรียน ๒ ชั้น ชั้นบน ๓ ห้องเรียน ชั้นล่าง ๒ ห้องเรียน รวม ๕ ห้องเรียน มีมุขในตัวตรงกลาง ตัวโรงเรียนกว้าง ๑๐.๕๐ เมตร ยาว ๑๘ เมตร หลังคามุงสังกะสีทั้งหลัง สร้างแล้วเสร็จ และเปิดทำการสอนแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๖ เป็นต้นมา
ตามบันทึกของการเปิดโรงเรียนมีดังนี้
วันนี้เป็นวันปฐมฤกษ์ เปิดโรงเรียนประชาบาล ตำบลบางพลีใหญ่ ๑ (วัดบางพลีใหญ่กลาง) มีนักเรียนมาเรียนรวม ๑๐๐ คน ได้แบ่งชั้นของการสอนออกเป็น ๓ ชั้น คือประถม ๑ – ๒ – ๓ มีครู ๓ คน คือ พระมหาสละ เพชรประไพ เป็นครูใหญ่ พระภิกษุชื้น นิลเพชร นายชิต แซ่โค้ว และยังได้ ได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง ขึ้นในวัดบางพลีใหญ่กลางเมื่อ พ.ศ๒๔๕๒ โดยในระยะแรก ให้อาศัยศาลาวัด เป็นที่เล่าเรียน ต่อมาการอาศัยศาลาวัด เป็นที่เล่าเรียนนั้นไม่สะดวกเพราะ มีนักเรียนเพิ่ม มากขึ้นและไม่มีฝากั้นห้อง ต้องเรียนรวมกัน ท่านจึงได้ร่วมกับขุนหลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิศฐยุค) นายอำเภอบางพลี
ขอบริจาคเงินจาก ผู้ปกครอง และคหบดีชาวบางพลีมาสร้างอาคารเรียน หลังแรกขึ้นในเขตวัด เสร็จสิ้นในปี ในปีพ.ศ. ๒๔๗๑ ซึ่งค่าก่อสร้าง ๑๑๕๒๙.๖๑ บาท หลวงปู่ กิ่ม ท่านเอาใจใส่ดูแล และอุปถัมภ์โรงเรียนของเรา มาโดยตลอด นับตั้งแต่ให้ที่ดินประมาณ ๑๕ ไร่เศษ เป็นที่ก่อตั้งโรงเรียน ช่วยหาเงินมา ก่อสร้างอาคารเรียน แม้กระทั่งให้เงินเป็นค่าจ้างครู ที่มาสอนในยามที่รัฐบาลไม่มีเงินจะจ้างครูจนเกือบจะ ต้องยุบโรงเรียน ทำให้พวกเรายังมีที่เรียนมาจนถึงปัจจุบันนี้
#ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่กิ่ม
๑/ เหรียญทรงเสมามีสัญลักษณ์ (อ.ก) สร้างขึ้น
ในงานผูกพัทสีมา ฝังลูกนิมิต ณ.วัดบางพลีใหญ่กลาง ปี พ.ศ ๒๔๗๘ ด้าน เหรียญนี้ได้รับการปลุกเศกโดย หลวงปู่ เผือก วัดกิ่งแก้ว หลวงปู่ กิ่ม และพระเกจิชื่อดังของเมืองปากน้ำ ในสมัยนั้นร่วมเสก
ลักษณะเหรียญเป็นทรงเสมา ข้างเลี่อย มีฉัตรอยู่เหนือสัญลักษณ์ (อ.ก) ด้านหลังเป็น ยันต์คาถา
หัวใจพระธรรมจักร คือ ( ติ ติ อุ นิ )
ตามความคิดของผู้เขียนเชื่อว่า หลวงปู่ กิ่ม ท่าน
อาจจะมีความสัมพันธ์ คือเป็น ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง
ร่วมสำนักเดียวกัน กับหลวงปู่ เผือกวัดกิ่งแก้ว เพราะยันต์ด้านหลังเหรียญ คือยันต์ ( ติ ติ อุ นิ ) ที่ใช้จารในหลังพระสมเด็จกรุวัดบึงพระยาสุเรนทร์ ที่หลวงปู่ ทอง วัดราชโยธา บรมครู ในตำนาน เป็นผู้สร้างไว้
๒/ เหรียญทรงเสมา รูปเหมือนตัวท่าน รุ่นแรก
ปี พ.ศ ๒๔๘๒ (รุ่นมือผี นิยม) ด้านหน้าเป็นรูป
หลวงปู่ กิ่ม นั่งวางมือไว้บนเข่าทั้งสองข้าง ด้านหลังเหรียญจะเรียบ ไม่มีตัวหนังสือใดๆ มีแต่ยันต์ดวงกลม ด้านในอักขระ คือหัวใจ นวหรคุณ( อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ)
๓/ เหรียญกงจักร ปืนไขว้ หลังราหูอมจันทร์
ปี พ.ศ ๒๔๙๔( บล็อกสังฆฎิยาว นิยม) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ กิ่ม นั่งสมาธิ ใต้ฐานจะมีรูปปืนไขว้ ด้านหลังเหรียญจะมีรูป พระราหูอมจันทร์ เหรียญรุ่นนี้เขาว่าเป็นมหาอุด ดีนักแล ประสบการณ์เพียบ.
*เกจิอาจารย์ท่านใดที่สร้างเหรียญลักษณะเช่นนี้ กล่าวกันว่าท่านต้องสำเร็จวิชา” หนุมานสะกดทัพ ”
ที่พอจะรู้มาก็มี หลวงพ่อ แช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม
ซึ่งสร้างเหรียญลักษณะเดียวกัน -หลวงพ่อ ทองดี วัดท่าเกวียน จ.นนทบุรี และอีกองค์ อยู่ที่ภาคใต้
ผู้เขียนจำชื่อไม่ได้ อันวิชา ” หนุมานสะกดทัพ ”
นี้หาผู้เรียนสำเร็จได้น้อย ใครที่เรียนสำเร็จแล้ว
เรียกได้ว่า มหาอุดหยุด ศาตราวุธ ทุกอย่าง ทั้งยัง
คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เป็นเลิศ.
เหรียญทั้ง ๓ รุ่นที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนนิยมในท้องถิ่น
มาช้านานแล้ว นอกจากนั้นทางวัดได้สร้างย้อนยุคมาบ้างทีหลังก็มีเป็นรูปกงจักร รูปหลวงปู่ กิ่ม นั่งสมาธิข้างหูมีขีด นิยม -เป็นเข็มกลัด- เป็นแหนบ
รูปถ่ายบ้าง ความนิยมลดหลั่นกันลงมา.
* หลวงปู่ กิ่ม นาคเสโน วัดบางพลีใหญ่กลาง
มรณะภาพ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช
๒๕๑๑ สิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี พรรษาที่ ๖๘ *
โดยสมาชิก ชื่อ สายลม ชมดาว
จากกลุ่ม เครื่องราง พระเครื่อง เมืองไทย