By pro 4 : #เหรียญพัทลุงที่มีประสบกาณ์มากที่สุดในยุคนี้ หลวง

By pro 4 : #เหรียญพัทลุงที่มีประสบกาณ์มากที่สุดในยุคนี้ หลวงพ่อทุ่ม วัดควนสามโพธ์ รุ่นแรก #บล็อคนิยมสุด_อขาดหลัง_ทุ่มสายฝน

ปล.จุดจ่ายตังค์อย่างง่ายของเหรียญรุ่นนี้ คือ เส้นสายฝนเฉียงๆระหว่างตัวอักษรของคำว่า “ทุ่ม”

เริ่ม 3.20 บาท
ปิด 3 ทุ่ม 20 นาทีวันนี้

🍀 ก่อนเวลาปิดประมูล 3 นาทีสุดท้าย หากมีผู้เข้าร่วมประมูลอีก จะเลื่อนเวลาการปิดประมูลออกไปอีก 3 นาที จนกว่า 3 นาทีสุดท้ายจะไม่มีผู้ประมูล จึงจะปิดการประมูลโดยสมบูรณ์

🍀 อนึ่งคำตัดสินของผู้ให้ประมูลถือเป็นสิ้นสุดในทุกกรณี
.
.
.
.
.
#นิทานประกอบ : โดนยิงถล่มรอดปาฏิหาริย์
ห้อยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปฺทุมโม
วัดควนสามโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

เช้าวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ปรากฏชิ้นข่าวหนึ่งน่าสนใจเป็นยิ่ง ในรายงานกล่าวไว้ว่า
“ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (๑๑ เม.ย.) ว่า จากกรณีคนร้ายจำนวน ๔ คน ใช้รถกระบะมิตซูบิซิเป็นยานพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายสมปอง ช่วยเนียม อายุ ๓๙ ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.๑๕ ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอย่างปาฏิหาริย์ ขณะขับรถกระบะจากที่ว่าการอำเภอเมืองพัทลุง ไปร่วมงานรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในหมู่บ้าน เหตุเกิดบนถนนสายตำนาน-ใสในขัน ท้องที่ ม.๘ ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง เมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. นั้น
ทางด้าน พ.ต.ท.ชำนาญ คงชู รอง ผกก.สภ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า ในตอนบ่าย นายสมปอง พร้อมญาติได้เดินทางมาให้ปากคำต่อตน และ พ.ต.ท.อธิสัณห์ เศรษฐธรรมธัช พนักงานสอบสวน (สบ.๓) เจ้าของคดี โดยนายสมปองกล่าวว่า ตนจำหน้า ๒ มือปืนที่ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มได้อย่างแม่นยำ โดยมือปืนทั้ง ๒ คน อายุประมาณ ๒๕-๓๐ ปี และเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มั่นใจว่าจะเป็นมือปืนรับจ้างที่ถูกว่าจ้างมาสังหารตนอย่างแน่นอน ส่วนรถยันต์กระบะมิตซูบิชิ สีเขียว นั้น จำทะเบียนไม่ได้ แต่ทางตำรวจเชื่อมั่นว่ารถกระบะคันดังกล่าว น่าจะเป็นรถในพื้นที่อย่างแน่นอน เพราะรถยี่ห้อดังกล่าวมีการใช้กันไม่กี่คัน ขณะนี้ได้ส่งตำรวจมือดีออกติดตามอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนประเด็นสังหารตำรวจยังมุ่งไปในประเด็นความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น และความขัดแย้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม จากการที่นายสมปอง ผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กรายนี้ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธปืนสงคราม ๒ กระบอก ไม่ต่ำกว่า ๔๐ นัด จนรถกระบะโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ถูกยิงจนพรุน แต่เจ้าตัวกลับรอดอย่างหวุดหวิด โดยกระสุนเพียงเฉียดฉิว และบริเวณร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำตัว มีรอยฟกช้ำหลายแห่งจากพิษกระสุนปืนสงครามนั้น ได้สร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่เจ้าตัวแขวนไว้เพียงองค์เดียวเท่านั้น เป็นที่กล่าวขานของชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และข่าวดังกล่าวได้ลือสะพัดอย่างแพร่หลาย จนชาวบ้านเที่ยววิ่งหาเหรียญดังกล่าวมาบูชากันวุ่น แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะเหรียญดังกล่าวได้ถูกเช่าซื้อไปยัง ๓ จังหวัดภาคใต้ก่อนหน้านี้หมดแล้ว หลังจากที่นายตำรวจคนหนึ่งถูกกลุ่มคนร้ายวางระเบิดรถตราโล่จนขาด ๒ ท่อน แต่นายตำรวจรายนี้รอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ”
(ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒)

อย่างไรก็ตามที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ เหรียญหลวงพ่อทุ่มได้มีการกว้านบูชาไปหมด หลังข่าวนายตำรวจถูกกลุ่มคนร้ายวางระเบิดรถ แต่รอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ
“เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๐ ในขณะที่ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.จ.ยะลา นั่งรถกระบะโดยมี ส.ต.ต.บุณรันต์ เกื้อช่วย เป็นพลขับ และ ด.ต.เกษม อาจหาญ นั่งคุ้มกันด้านหลังรถ กลับจากไปตรวจที่เกิดเหตุฆ่าตัดคดนายสถิต ทองอินทร์ ราษฎรอำเภอเมืองยะลา ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ท้ายรถเสียหายทั้งคัน พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข โดนกระแทกหลังคารถเล็กน้อยทุกคนปลอดภัย ซึ่งทราบภายหลังว่า พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข และพลขับ มีเหรียญหลวงพ่อทุ่ม วัดควนสามโพธิ์ ติดตัวอยู่ด้วย”
(ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard…ang&topic=3655)
ก่อนหน้านั้นเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่มได้สำแดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์มาแล้ว คือ
“เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ขณะที่นายเสรี จันทร์หอม ลูกหลานชาวบ้านควนสามโพธิ์ ซึ่งเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน เหตุเกิดที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเพื่อนอีกสามคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่แคมป์ ก็มีคนร้ายระดมยิงเข้ามา กระสุนนัดแรกถูกบริเวณท้ายทอยนายเสรีอย่างจัง เพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ล้มลงและเสียชีวิต ส่วนนายเสรีรีบหนี แต่คนร้ายยังคงกระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดยั้ง กระสุน ๓-๔ นัดถูกด้านหลังนายเสรี แต่ไม่ทะลุเนื้อ นายเสรีรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เพราะเขาห้อยคอด้วยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เนื้อทองแดง รุ่นสร้างหอระฆัง เสื้อที่นายเสรีสวมใส่เป็นรูพรุนด้วยแรงกระสุน (พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.จว.ปน. ยืนยันต่อที่ประชุมประจำเดือนว่า เห็นเสื้อพรุนและรอยเนื้อยิงไม่เข้าด้วยตาตนเอง)
อีกกรณีหนึ่ง
“เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙ จ.ส.อ.กรีฑา ทองประศรี และเพื่อนทหารอีก ๒ คน กำลังทำงานในโรงดองสัตว์น้ำภายในสะพานปลาปัตตานี ได้เกิดระเบิดขึ้นใกล้กับบริเวณดังกล่าวทำให้เพื่อนทั้ง ๒ คน ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ส่วน จ.ส.อ.กรีฑา ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันได้รับแรงระเบิดเช่นเดียวกันกับเพื่อนแต่ไม่มีบาดแผลและปลอดภัย ทราบภายหลังว่า จ.ส.อ.กรีฑา ได้คล้องคอด้วยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม”
อีกกรณีหนึ่ง
“เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๐ เหตุเกิดที่อำเภอเมืองพัทลุง กรณีนายบุณรัตน์ สุวรรณรัตน์ ถูกคนร้ายยิงหลายนัดแต่ว่าปืนไม่ลั่น แล้วคนร้ายก็วิ่งหนีไป นายบุณรัตน์บอกว่ามีหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม ห้อยคออยู่ขณะถูกยิง จึงทำให้รอดพ้นจากภยันตรายไปได้ นายบุณรัตน์สำนึกในปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทุ่ม จึงได้บวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดควนสามโพธิ์”
(ที่มา : http://www.thaimisc.com/freewebboard…ang&topic=3655)

กล่าวสำหรับหลวงพ่อทุ่ม อุปฺทุมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์สายสำนักวัดเขาอ้อ ได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ณ พัทธสีมาวัดท่าสำเภาเหนือ โดยมีพระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (ทองเฒ่า) วัดเขาอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ดิษฐ์ วัดปากสระ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
อุปสมบทแล้วได้ติดตามพระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอาจารย์ดิษฐ์ ไปจำพรรษาที่วัดปากสระ แต่ยังคงเดินทางไปร่ำเรียนวิชากับพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ที่วัดเขาอ้อ
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ นั้น พระอาจารย์ดิษฐ์คิดสร้างอุโบสถขึ้น จึงได้ให้พระทุ่มไปตัดไม้ที่ควนนาทาบ ป่าห้าม ควนนาโหนด ระหว่างที่ตัดอยู่นั้นได้มีชาวบ้านควนสามโพธิ์มาบอกท่านว่า ที่ดินริมควนนาทาบเป็นที่ดินวัดเก่า ไม่มีพระและเป็นที่รกร้างมานานสมควรจะปลุกเบิกแผ้วถางให้พระจำพรรษา แต่พระทุ่มก็มิได้ปริปากพูดอะไร
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ นายจอน ทองเอม ชาวควนสามโพธิ์ได้ชักชวนชาวบ้านไปที่วัดปากสระ เพื่อจะขอพระภิกษุไปจำพรรษารูปหนึ่ง พระอาจารย์ดิษฐ์ตอบว่า ที่นี่มีพระภิกษุอยู่ ๒ รูป ให้โยมเลือกเอา ๑ รูป นายจอนและชาวบ้านตกลงเลือกพระทุ่ม เพราะเห็นว่าท่านเคร่งขรึมน่านับถือ เมื่อพระทุ่มมาจำพรรษาแล้ว ท่านได้ทำการแผ้วถางวัดกับชาวบ้านสร้างที่พักสงฆ์ขึ้น แล้วสร้างศาลาโรงธรรมกำมะลอเป็นที่พักสงฆ์ แล้วก็เริ่มจำพรรษาในปีนั้น และใช้ชื่อวัดว่า ‘วัดควนสามโพธิ์’ หรือ ‘วัดศุภศาสตราราม’
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ หลวงพ่อทุ่มได้เปิดโรงเรียนขึ้นที่วัดให้ลูกหลานชาวควนสามโพธิ์ได้ศึกษาร่ำเรียนกัน แรกใช้ศาลาโรงธรรมเป็นที่เรียน ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ จึงเปิดเป็นโรงเรียนประชาบาล ในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ หลวงพ่อทุ่มได้จัดสร้างพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ด้วยกัน โดยได้เทหล่อกันที่วัด เป็นงานใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ไม่เคยมีงานไหนใหญ่กว่านี้มาก่อน ชาวบ้านต่างมีศรัทธาต่างขนโลหะต่างๆ มารวมหล่อกันมากมายจนเหลือต้องเอาไปให้วัดชุมประดิษฐ์ วัดบรรพตพินิจ วัดปากสระ ในการเททองหล่อสร้างพระพุทธรูปครั้งนี้ พระอาจารย์ของหลวงพ่อทุ่มได้แนะนำว่า เมื่อเททองหล่อให้หลวงพ่อทุ่มออกห่างไปจากวัดจนไม่ได้ยินเสียงโพน แต่หลวงพ่อทุ่มตั้งใจว่าจะหล่อพระเองต้องอยู่ดูจนสำเร็จ จะไม่ไปไหน
ในห้วงที่หลวงพ่อทุ่มยังดำรงขันธ์อยู่นั้น ท่านได้ให้ความอนุเคราะห์แก่ชาวบ้านมาโดยสม่ำเสมอ โดยช่วยบำบัดทุกข์ในการดำรงชีวิตให้ญาติโยม จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้านควนสามโพธิ์ และละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง ชื่อเสียงของหลวงพ่อทุ่มจึงลือเลืองขจรไกลเป็นที่นิยมนับถือของประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นการดูฤกษ์ยามในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ การปัดรังควานบ้านเรือน แม้กระทั่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งท่านมีตำรับตำราที่ได้รับการถ่ายทอดมาโดยตรงจากสำนักวัดเขาอ้อ ตักสิลาแห่งแดนใต้ เช่น คาถาปัดพิษงู คาถาทำให้ผู้หญิงคลอดลูกง่าย คาถาต่อกระดูก เหล่านี้เป็นต้น ล้วนแล้วแต่สงเคราะห์ชาวบ้านโดยมิได้มุ่งหวังลาภผลประโยชน์แต่อย่างใด
ยังมีเรื่องเล่าขานกันถึงปาฏิหาริย์หลวงพ่อทุ่ม ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาลูกศิษย์มาแล้ว คือ วันหนึ่งมีชาวบ้านมานิมนต์หลวงพ่อทุ่มไปที่บ้านต้นโดนซึ่งตอนนั้นยังต้องเดินทางด้วยเท้า ระหว่างเดินทางนั้นได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ท่านได้บอกกับพระลูกวัดที่ไปด้วยกันว่า “เดินมาใกล้ๆ ฉันซิจะได้ไม่เปียกฝน” พระลูกวัดต่างอัศจรรย์ใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อขยับเดินเข้าไปใกล้หลวงพ่อทุ่ม ไม่ปรากฏว่ามีพระลูกวัดรูปใดเปียกฝนเลย
หลวงพ่อทุ่มมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔

กล่าวสำหรับวัตถุมงคลหลวงพ่อทุ่ม ล้วนสร้างขึ้นเมื่อท่านมรณภาพไปแล้วทั้งสิ้น
โดยเหรียญรุ่นแรกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นเหรียญเนื้องาช้างเทียม โดยนายช่างสวัสดิ์ วรรณรัตน์ เป็นผู้ผลิตแบบหล่อขึ้น ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม มีอักษรไทยระบุว่า ‘หลวงพ่อทุ่ม’ ด้านหลังระบุว่า ‘รุ่น ๑’ ปลุกเสกที่กรุงเทพมหานคร แล้วนำกลับมายังวัดควนสามโพธิ์ จำนวนสร้าง ๙๙ เหรียญ ต่อมาได้นำเข้าปลุกเสกร่วมกับเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อพุ่ม รุ่นสร้างหอระฆัง พ.ศ. ๒๕๓๘
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ทางวัดได้จัดสร้างหอระฆัง จึงได้สร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่มขึ้นมา โดยเหรียญรุ่นนี้ดำเนินการสร้างโดย ดร.อำนาจ จันทร์หนู ซึ่งขณะนั้นบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดควนสามโพธิ์ เหรียญในรุ่นนี้มีด้วยกัน ๒ บล็อก คือ บล็อกแรกที่เรียกขานกันว่า ‘บล็อก อ.ขาดหน้า’ ได้ทำการปั๊มออกมา ๒,๐๐๐ เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงรมดำ เมื่อนำเหรียญทั้งหมดไปให้หลวงเตี้ย วัดนางลาด หนึ่งในผู้ร่วมจัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ ท่านบอกว่ารูปแบบเหรียญยังไม่สวยงาม ได้ให้ช่างไปแกะบล็อกมาใหม่ จึงทำให้มีบล็อกที่ ๒ ที่เรียกกันว่า ‘บล็อก อ.หลังขาด’ ซึ่งแกะพิมพ์ออกมาคมชัดมากว่า ได้ทำการปั๊มออกมา ๘,๐๐๐ เหรียญ เป็นเหรียญเนื้อทองแดงรมดำ
กล่าวกันว่ามีการปั๊มเหรียญเนื้อเงินออกมาด้วย บล็อกละ ๕๐ เหรียญ บางท่านยังกล่าวว่ามีเนื้อทองคำ ๓ เหรียญด้วยกัน แต่ไม่เป็นที่ยืนยัน
เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม ทั้ง ๒ บล็อก ได้ผ่านการปลุกเสกถึง ๒ ครั้ง คือ ที่วัดควนสามโพธิ์ และที่วัดนางลาด พระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมในการปลุกเสก มี หลวงพ่อเลื่อน เจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา พระมหาอุทัย วัดดอนศาลา พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม หลวงปู่แก้ว วัดแหลมดิน พ่อท่านเพิ่ม วัดตะเขียนบางแก้ว พระมหาชิต วัดคอกช้าง พระอธิการบุญให้ วัดนางลาด พระอาจารย์พลับ วัดชายคลอง พระอาจารย์ทอง วัดหัวหรั่ง พระอาจารย์แก้ว วัดท่าเภา ฯลฯ
เหรียญบล็อก อ.หลังขาด ซึ่งเป็นบล็อกที่มีความสวยงาม ได้เปิดให้บูชาที่วัดควนสามโพธิ์ ส่วนบล็อก อ.หน้าขาด โดยมากอยู่กับคณะกรรมการที่จัดสร้างเป็นส่วนใหญ่
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ทางวัดควนสามโพธิ์ได้จัดสร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่มขึ้นเป็นรุ่นที่ ๒ กล่าวคือเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม รุ่นสร้างหอระฆัง ถือกันว่าเป็น ‘เหรียญรุ่นแรก’ ของหลวงพ่อทุ่ม เหรียญในรุ่นที่ ๒ นี้ รูปแบบเดียวกับเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม รุ่นสร้างหอระฆัง เพียงแต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดของตัวหนังสือ เส้นขาดที่ตัว อ และเส้นที่ข้างหูขวาไม่ปรากฏ และที่สำคัญในด้านหลังเหรียญมีการปั๊มตัวเลข ‘2’ เอาไว้

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ทางจังหวัดปัตตานีเห็นว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยที่เกดขึ้นใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเหตุให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ใน ๓ จังหวัด ถูกบั่นทอนจิตใจและเสียขวัญไปบ้าง จึงหวังพึ่งบารมีและปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทุ่มช่วยคุ้มครอง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทุ่มขึ้นมา เป็นพิมพ์เดียวกับเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม รุ่นสร้างหอระฆัง เพียงแต่ในด้านหลังเหรียญด้านบนมีอักษรไทยว่า ‘รุ่นคุ้มภัยชายแดนใต้’
ซึ่งได้ทำพิธีปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์สายวัดเขาอ้อ เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อันตรงกับฤกษ์ ‘เสาร์ ๕’ วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ณ วัดควนสามโพธิ์ โดยได้เปิดให้เช่าบูชาเหรียญละ ๙๙ บาท รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วนำเข้าสู่กองทุนคุ้มภัยชายแดนใต้ของจังหวัดปัตตานี และสมทบทุนถวายวัดควนสามโพธิ์
ปีเดียวกันนี้ยังได้สร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อทุ่ม รุ่นสร้างมณฑปรูปเหมือน ได้ปลุกเสกที่อุโบสถวัดนางลาด เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ มีพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อปลุกเสก คือ พระธรรมวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดพัทลุง พระอาจารย์เอียด วัดโคกแย้ม พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พระอาจารย์เจน วัดปรางหมู่ พระอาจารย์ชูศักดิ์ วัดอินทราวาส พระอาจารย์เถียร วัดโคกโดน พระอาจารย์เตี้ย วัดนางลาด พระอาจารย์ต้อย วัดในหาน จังหวัดภูเก็ต พระมหาชิต วัดคอกช้าง จังหวัดยะลา พระอาจารย์แดง วัดไร่ จังหวัดปัตตานี พระอาจารย์เขียว วัดห้วยเงาะ จังหวัดปัตตานี พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง พระอาจารย์ประสงค์ วัดป่าเลไลยก์ พระปลัดประคอง วัดอภัยราม
ปลุกเสกครั้งที่ ๒ ณ อุโบสถวัดควนสามโพธิ์ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยพระเกจิอาจารย์สายวัดเขาอ้อชุดเดิมที่ปลุกเสกครั้งแรก แต่ในครั้งนี้มีพระเกจิอาจารย์เพิ่มเติม คือ พระอาจารย์เหวียน วัดพิกุลทอง พระครูกาเดิม วัดเขียนบางแก้ว พระอาจารย์สรรสิริ วัดบ้านสวน พระอาจารย์พรหม วัดบ้านสวน พระมหาพิสันห์ วัดฝังเจ็ด จังหวัดสตูล
มีพระอธิการบุญให้ (เตี้ย) เป็นเจ้าพิธี
การสร้างในครั้งนี้ นอกเหนือจากเหรียญเนื้อทองคำที่สร้างตามจำนวนที่สั่งจอง ยังมีการสร้างเหรียญเนื้อเงิน ๔๙๙ เหรียญ
เนื้อทองแดงรมดำ ๒๐,๐๐๐ เหรียญ เนื้อกะไหล่เงิน ๙๙๙ เหรียญ เนื้อกะไหล่ทอง ๙๙๙ เหรียญ และรูปเหมือนลอยองค์บรรจุกริ่ง
วัตถุมงคลอันเป็นที่นับถือว่าคุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย

🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀

หลวงพ่อทุ่ม วัดควนสามโพธิ์ แสดงอิทธิปาฏิหาริย์

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.50 ในขณะที่พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รองผบก.จ.ยะลา นั่งรถยนต์เป็นรถกะบะ โดยมีส.ต.ต.บุณรัตน์ เกื้อช่วย เป็นพลขับ และด.ต.เกษม อาจหาญ นั่งคุ้มกันหลังรถ กลับจากไปตรวจที่เกิดเหตุฆ่าตัดคอ ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้รถยนต์เสียหายทั้งคัน พ.ต.อ.นราศักดิ์โดนกระแทกหลังคารถเล็กน้อย ทุกคนปลอดภัย ซึ่งทราบภายหลังว่า พ.ต.อ.นราศักดิ์ และพลขับมีเหรียญหลวงพ่อทุ่ม วัดควนสามโพธิ์ติดตัวอยู่ (ลงข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วย)

และ อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับคนรู้จักซึ่งเป็นตำรวจสายสืบ สืบคดีฆ่าปาดคอพ.ต.ต…..เมื่อไม่นานมานี้ (หน้า1เดลินิวส์) ตามหารถผู้ตายไม่เจอ โดยอธิษฐานว่าหลวงพ่อทุ่มช่วยดลบันดาลให้เจอรถในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด มาถึงวันรุ่งขึ้นก็เจอรถอยู่อีกอำเภอหนึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 40 กม.

ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (11 เม.ย.)ว่า จากกรณีคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถกระบะมิตซูบิชิเป็นยานพาหนะใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายสมปอง ช่วยเนียม อายุ 39 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.15 ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอย่างปาฏิหาริย์ ขณะขับรถกระบะจากที่ว่าการอำเภอเมืองพัทลุง ไปร่วมงานรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในหมู่บ้าน เหตุเกิดบนถนนสายตำนาน – ใสในขัน ท้องที่ ม.8 ต.ตำนาน อ.เมืองพัทลุง เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.นั้น

ทางด้าน พ.ต.ท.ชำนาญ คงชู รอง ผกก.สภ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า ในตอนบ่ายนายสมปองพร้อมญาติได้เดินทางมาให้ปากคำต่อตนและพ.ต.ท.อธิสัณห์ เศรษฐธรรมธัช พนักงานสอบสวน (สบ.3) เจ้าของคดี โดยนายสมปองกล่าวว่า ตนจำหน้า 2 มือปืนที่ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มได้อย่างแม่นยำ โดยมือปืนทั้ง 2 คนมีอายุประมาณ 25 – 30 ปี และเป็นคนนอกพื้นที่ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มั่นใจว่าจะเป็นมือปืนรับจ้างที่ถูกว่าจ้างมาสังหารตนอย่างแน่นอน ส่วนรถยนต์กระบะมิตซูบิชิสีเขียวนั้นจำทะเบียนไม่ได้ แต่ทางตำรวจเชื่อมั่นว่ารถกระบะคันดังกล่าวน่าจะเป็นรถในพื้นที่อย่างแน่นอน เพราะรถยี่ห้อดังกล่าวมีการใช้กันไม่กี่คัน ขณะนี้ได้ส่งตำรวจมือดีออกติดตามอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนประเด็นสังหารตำรวจยังมุ่งไปในประเด็นความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น และความขัดแย้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม จากการที่นายสมปองผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กรายนี้ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอกไม่ต่ำกว่า 40 นัด จนรถกระบะโตโยต้าฟอจูนเนอร์ถูกยิงจนพรุน แต่เจ้าตัวกลับรอดอย่างหวุดหวิด โดยกระสุนเพียงเฉียดฉิวตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำตัว มีรอยฟกช้ำหลายแห่งจากพิษกระสุนปืนสงครามนั้น ได้สร้างความฮือฮาแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่เจ้าตัวแขวนไว้เพียงองค์เดียวเท่านั้น เป็นที่กล่าวขานของชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และข่าวดังกล่าวได้ลือสะพัดอย่างแพร่หลาย จนชาวบ้านเที่ยววิ่งหาเหรียญดังกล่าวมาบูชากันวุ่น แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะเหรียญดังกล่าวได้ถูกเช่าซื้อไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนหน้านี้หมดแล้ว หลังจากที่นายตำรวจคนหนึ่งถูกกลุ่มคนร้ายวางระเบิดรถตราโล่จนขาด 2 ท่อน แต่นายตำรวจรายนี้กลับรอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ขณะที่นายเสรี จันทร์หอม ลูกหลานชาวบ้านควนสามโพธิ์ซึ่งเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน เหตุเกิดที่ อ. กะพ้อ จ. ปัตตานี พร้อมด้วยเพื่อนอีกสามคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่แคมป์ ก็มีผู้ร้ายระดมยิงเข้ามา กระสุนนัดแรกถูกบริเวณท้ายทอยนายเสรีอย่างจัง เพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ล้มลงและเสียชีวิตทันที ส่วนนายเสรีรีบหนี แต่คนร้ายยังคงกระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดยั้ง กระสุน 3-4 นัดถูกด้านหลังของนายเสรีแต่ไม่ทะลุเนื้อ นายเสรีรอดตายอย่างปาฏิหาริย์เพราะเขาห้อยคอด้วยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เนื้อทองแดง รุ่นสร้างหอระฆัง เสื้อที่นายเสรีสวมใส่เป็นรูพรุนด้วยแรงกระสุน (พล.ต.ต. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก. จว. ปน. ยืนยันต่อที่ประชุมประจำเดือนว่า เห็นเสื้อพรุนและรอยเนื้อยิงไม่เข้าด้วยตาตนเอง)

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 จ.ส.อ.กรีฑา ทองประศรี และเพื่อนทหารอีก 2 คน กำลังทำงานในโรงดองสัตว์น้ำภายในสะพานปลาปัตตานี ได้เกิดระเบิดขึ้นใกล้กับบริเวณดังกล่าวทำให้เพื่อนทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ส่วนจ.ส.อ. กรีฑา ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันได้รับแรงระเบิด เช่นเดียวกับเพื่อนแต่ไม่มีบาดแผลและปลอดภัย ทราบภายหลังว่าจ.ส.อ.กรีฑาได้คล้องคอด้วยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม (จ.ส.อ.กรีฑา ฯ เล่าให้ฟังด้วยความอัศจรรย์ใจ)

เมื่อเดือน มกราคม 2550 เหตุเกิดที่อำเภอเมืองพัทลุง กรณีนายบุณรัตน์ สุวรรณรัตน์ ถูกคนร้ายยิงหลายนัด แต่ว่าปืนไม่ลั่น แล้วคนร้ายก็วิ่งหนีไป นายบุณรัตน์บอกว่ามีหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม ห้อยคออยู่ขณะถูกยิง จึงทำให้รอดพ้นจากภยันตรายไปได้ นายบุณรัตน์สำนึกในปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทุ่ม จึงได้บวชเป็นภิกษุอยู่ที่วัดสามโพธิ์จนถึงทุกวันนี้

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 ในขณะที่ พ.ต.อ. นราศักดิ์ เชียงสุข รองผบก. จ. ยะลา นั่งรถกระบะ โดยมีส.ต.ต. บุณรัตน์ เกื้อช่วย เป็นพลขับ และด.ต. เกษม อาจหาญ นั่งคุ้มกันด้านหลังรถ กลับจากไปตรวจที่เกิดเหตุฆ่าตัดคอนายสถิต ทองอินทร์ ราษฎรอำเภอเมืองยะลา ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ท้ายรถเสียหายทั้งคัน พ.ต.อ. นราศักดิ์ เชียงสุข โดนกระแทกหลังคารถเล็กน้อย ทุกคนปลอดภัย ซึ่งทราบภัยหลังว่า พ.ต.อ. นราศักดิ์ เชียงสุข และพลขับ มีเหรียญหลวงพ่อทุ่ม วัดควนสามโพธิ์ ติดตัวอยู่ด้วย —





โดยสมาชิก ชื่อ เดียว ทะเลจืด
จากกลุ่ม ตลาดนัด ตลาดประมูล ซื้อขาย พระเครื่อง พระบูชา by ทะเลจืด