ในสังคมสมัยก่อนศาสตร์วิชาแห่งไสยเวทย์ไสยศาสต์ “ท่านนารทะ ราช

ในสังคมสมัยก่อนศาสตร์วิชาแห่งไสยเวทย์ไสยศาสต์ “ท่านนารทะ ราชโยคะ” (ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า)​ได้ศึกษาวิชาอาคมที่เล่าเรียนมาอย่างถ่องแท้และแตกฉานทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านด้ายช่วยเหลือสาธุชนทั่วไป โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ทั้งลง ทั้งเสก ทั้งเป่า มีผู้คนมากมายที่รอดตายจากอุบัติเหตุ และหลายคนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการที่”ท่านอาจารย์วิรัช ลุปต์ซ่า”ด้ายช่วยเหลือและขจัดปัดเป่าให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี ว่ากันว่า ในช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของ”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” โด่งดังมากๆเลยทีเดียวเชียว จะว่าไปแล้วในสังคมสมัยก่อน ศาตร์ของไสยศาสตร์และไสยเวทย์ “ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า”ก็เป็นอีกท่านหนึ่งครับที่สามารถนำเอาเรื่องของไสยศาสตร์และไสยเวทย์มาแสดงให้ผู้คนได้เห็นเป็นรูปธรรม และนอกจากนี้ท่านยังได้ทำการสั่งสอนและเผยแพร่” องค์สมเด็จพระบรมครูท่านท้าวมหาพรหมธาดา” หรือ”องค์ธรรม” อันเป็นหัวใจแห่งธรรมะ”หรือ” ธรรมะแห่งธรรมชาติ” อันแท้จริง” ซึ่งมีนัยยะคือ ความจริง ที่นำไปสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงของสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกใบนี้

เคยมีคณะรุ่นใหม่ในสมัยนั้นที่จะมาฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านด้ายเกิดความลังเลเกิดขึ้นในใจ ในระหว่างมีพิธีกรรมที่สังเวยครู คณะศิษย์ในสมัยนั้นยุคนั้นก็เก็บความรู้สึกจนเสร็จพิธีกรรมในการประกอบพิธี พอเสร็จสิ้นในพิธีกรรมแล้วคณะศิษย์ใหม่ในสมัยนั้นก็ตรัสถาม”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” ว่าท่านทำแสดงอิทธิฤทธิ์แบบนี้ด้ายอย่างไร “ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” ก็ด้ายมีพระดำรัชตรัสกลับไปสั้นๆว่า “ผมแสดงมายากลผมเล่นแค่ปาหี่” ซึ่งในความเป็นจริง”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” ท่านจะไม่แสดงออกซึ่งความอุตริเพราะท่านนั้นยังทรงอยู่ในสมณะ ท่านมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจะไม่บอกใครๆว่าตัวท่านเองนั้นเป็นคนดีมีวิชา ท่านมีทั้งอิทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์มีในศาตร์วิชาแห่ง” องค์ธรรม”ที่ท่านด้ายพร่ำร่ำเรียนมาจนแตกฉาน คณะศิษย์ใหม่ในสมัยนั้นก็ยิ่งค้นหาในตัวตนของท่านจนเจอมูลเหตุแห่งความเป็นจริง จึงศิโรราบท่านนั้นเป็นต้นมา พิธีกรรมสังเวยครูในทุกๆครั้งในคณะหมู่ศิษย์รุ่นเก่าๆของท่านคือทันท่านในสมัยยุคนั้นจะจำได้ดีเสมอๆมาว่า เวลาที่”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” จะกระทำพิธีสังเวย จะต้องมีศาสตราวุธหลายๆชนิด ก็ขึ้นอยู่ที่ท่านจะเลือกให้คณะศิษย์ว่าเป็นผู้ใดที่เหมาะสมกับศาสตราวุธแต่ล่ะอย่าง แต่ในทุกๆครั้ง”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า” จะนำศาสตราวุธแต่ล่ะชนิดให้คณะศิษย์ได้สัมผัสลูบคมของความแหลมคมในทุกๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็น มีด หอก เหล็กหลาว ไม้กระดานแบบหนาๆ ไม้ฝาโลง ในสมัยก่อน มีดโกน อาวุธกริช เข็มเย็บกระสอบป่าน เก้าอี้ตะปู และศาสตราวุธหลายชนิดก็ล้วนแต่ที่”ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า”จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมของศิษย์แต่ล่ะบุคล แต่ที่แน่ๆคณะศิษย์ในสมัยก่อนได้ประจักษ์แจ้งเห็นจริงในความคมแหลมของศาสตราวุธทุกๆชนิดต่างๆที่ด้ายสัมผัสถึงความคมมากๆจากพระหัตถ์ของท่านอาจารย์โดยตรงในสมัยนั้น และพวกท่านๆลองคิดดูว่ามันเป็นการแสดงกลหรือเล่นปาหี่อย่างที่ใครๆสงสัยในตัวตนของ” ท่านอาจารย์วิรัช ลุปต์ซ่า” ที่ท่านได้กล่าวแบบมีนัยยะเอาไว้ ในสมัยนั้น

โอวาทธรรม “ท่านนารทะ ราชโยคะ” (ท่านอาจารย์ วิรัช ลุปต์ซ่า)​หากไม่มีอิทฤทธิ์ ประชาชนที่ยังไม่เห็นธรรม จะหันมาเคารพนับถือพระพุทธศาสนาอย่างไร
ได้ ธรรมกับโลกต้องเชื่อมโยงกัน เช่นเดียวพุทธกับพรหมย่อมเป็นของคู่กัน (สาธุธรรมขอรับ)🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏

กระผมมีจิตคิดเผยแพร่บารมีครูไม่มีผลประโยชน์ใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและการศึกษา ในการรับชม เป็นความเชื่อส่วนบุคลโปรดใช้วิจารณญานในการรับฟังและรับชม ผิดพลาดพลั้งใดๆต้องขออภัยทุกๆท่านไว้ณ.ที่นี้ด้วยขอรับ🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🌺🌻🌼🌷🌹🌷🌼🌻🌺🌻🌼🌷🌹🌷🌼🌻🌺🌻🌼🌷🌹🌷🌼🌻🌺🌻🌼🌷🌹🌷🌼🌻🌺🌻🌼🌷🌹🌷🌼🌺🌻🌹🌷🌼



โดยสมาชิก ชื่อ Ekkapong Saebe
จากกลุ่ม ชมรมคนรักพระเหรียญ จักรเพชร พระพรหมธาดา และเหรียญเกจิอาจารย์ทั่วไป