ขออนุญาติเปิดคับ.. ปะกันแท้
รายการที่-2=23/9/65
ขออนุญาติเปิดคับ.. ปะกันแท้
รายการที่-2=23/9/65
เหรียญท่านเจ้าคุณ ธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท)
วัดโบสถ์เมือง อดีตเจ้าคณะจังหวัด จันทบุรี
ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ปีพ.ศ 2485
ขอบกระบอก ทองแดงรมดำ พิธีปลุกเสกพร้อม
พระพุทธชินราช อินโดจีน ณ.วัดสุทัศน์เทพวราราม.
*ประวัติ วัดโบสถ์เมือง ตั้งอยู่บนเนินสูง ระดับเดียวกันกับที่ตั้ง ศาลากลางหลังเก่า บนถนนเบญ
จมราชูทิศ ติดกับแม่น้ำ จันทบุรีฝั่งขวา สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปีพ.ศ 2295 ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ตอนปลาย โดยสังเกตุจากใบเสมาหินทรายขาว
พระอุโบสถ์ และเจดีย์ทรงลังกา นอกจากนี้ยังมีการค้นพบ ทับหลังอันเป็นศิลปะ บาปวน ตอนปลาย
พ.ศ 1510-1630 รูปพระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณ ในซุ้มเรือนแก้ว และภายในวัดยังมีสิ่งต่างๆ น่าชมมากมาย เช่น พระอุโบสถ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ เจดีย์ใหญ่ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีเจดีย์เล็กล้อมรอบ 4 มุม โรงเรียนพระปริยัติธรรม ลักษณะ
เด่นของวัดโบสถ์เมือง โบสถ์เป็นรูปปั้นนูนต่ำที่หน้าโบถส์ เป็นที่ประดิษฐานของพระศรีอาริยะเนื้อเงิน
เป็นหอกลองเก่า มีเจดีย์สูงที่สุดในจังหวัด จันทบุรี
ด้านหลังของวัดสามารถเดินลงไปถึง ย่านท่าหลวง
ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ ริมแม่น้ำจันทรบูร มีอายุราว
300 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันมีการส่งเสริม และพัฒนาริมนำ้ จันทรบูร
เป็นแหล่งอนุรักษ์ ศิลปะวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ถนนริมน้ำในอดีต เคยเป็นย่านการค้าดั้งเดิม มีร้านค้าเก่าแก่ บ้านเรือนเก่า ที่ยังมีความงดงาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้.
*ในหนังสือทำเนียบสมณะศักดิ์ ราชกิจจานุเบกษา
กระทรวงธรรมการ แจ้งว่า”พระครูธรรมวงศาจารย์
วิมลญาณสมาโยคฯ”นามเดิม (ลี) ฉายา จุนฺโท
ตำแหน่ง สังฆวาหะ เจ้าอาวาสวัด โบถส์เมือง จังหวัดจันทบุรี และได้สืบค้นตามหาบรรทึกต่างๆ พบในฐานรูปหล่อสลักไว้ว่า”เจ้าคุณธรรมวงศาจารย์(ลี)” ชะตาเมื่อปีพ.ศ 2427 มรณะภาพปีพ.ศ 2484 สิริรวมอายุ
ได้ 57 ปี ถือเป็นเป็นเจ้าคุณ ที่มีอายุน้อย ที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ เมืองจันทบุรี.
*ในยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามมหาเอเชียบูรพา เดิมประเทศไทยเป็นประเทศ ที่วางตัวเป็นกลาง จนกระทั่งถูก ญี่ปุ่นบุกยึดครอง ในวันที่
8 ธันวาคม พ.ศ 2484 เวลาประมาณ 02.00 น.
กองทัพญี่ปุ่น ได้ยกพลขึ้นบก ทางภาคใต้และภาคตะวันออก ของไทย และได้ปะทะกับทหารไทย แล
ยุวชน ก่อนรัฐบาลจะมีคำสั่งหยุดยิงเมื่อเวลา 11.00
นาฬิกา หลังจากนั้นมีการทำสนธิสัญญาทหาร ระหว่าง 2 ประเทศ ในช่วงแรกของสงคราม ญี่ปุ่น
กดดันให้รัฐบาลไทย เปิดทางให้ทหารญี่ปุ่น เดินทัพ
ผ่านไปยังพม่า และบริติชมาลายา ซึ่งรัฐบาลไทย
นำโดย จอมพล ป พิบูลย์สงคราม ยิมยอมเนื่องจากทางญี่ปุ่น ให้สัญญาว่า จะมอบดินแดงเป็นบาง
ส่วน ฝั่งซ้าย ริมแม่น้ำโขง ที่เคยเสียให้ ฝรั่งเศส
คืน *ในช่วงยุคของสงครามนั้น ท่านเจ้าคุณธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท) มีความห่วงใยในลูกศิษย์ และชาวจันทบุรี จึงดำริ ว่าอยากจะสร้างเหรียญ ให้ลูกศิษย์ได้มี ของดีคุ้มครองภัยยามบ้านเมืองเกิด สถานการณ์เช่นนี้ แต่ด้วยทางจังหวัด จันทบุรี อยู่ห่างไกลกรุงเทพฯ มาก การเดินทางระหว่างช่วง สงครามมีความเสี่ยงสูง ความคิดในการจัดสร้างเหรียญ จึงมิได้มีการดำเนินการสร้างในปีพ.ศ 2484 ซึ่งขณะนั้น ท่านเจ้าคุณ ยังมีชีวิตอยู่.
*ท่านเจ้าคุณ ธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท) องค์นี้
ขณะที่ เป็นเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ชาวเมืองจันทบุรี
เคารพเลื่อมใส ท่านมาก แต่ท่านได้มรณะภาพ ตอนที่เกิดสงครามพอดี เมื่อเป็นดังนั้น ทางสรีระร่างกายของท่านเจ้าคุณ ยังไม่ถึงกำหนด วันพระราชทานเพลิงพระศพ จึงทำให้ชาวเมือง จันทบุรี มาอาศัยวัดเป็นที่พึ่ง หลบภัยสงคราม ด้วยต่างก็เชื่อว่า บารมีของท่านเจ้าคุณ ธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท) จะช่วยปกป้องคุ้มครองภยันตราย ต่างๆได้ บรรดาชาวเมืองจันทบุรี มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยว จิตใจคือ ระลึกถึงองค์
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับวัดโบสถ์เมือง
ทั้ง 2 สถานที่นี้จึงมีคนหลั่งไหล ไปขอพึ่ง บารมีกันมาก เฉพาะที่ วัดโบถส์เมือง ประชาชนไปกันมากเพื่อขอพึ่ง บุญบารมีดวงวิญญาณ ของท่านเจ้าคุณ
ธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท) ให้ช่วยขจัดคุ้มครองภัย
ต่างๆ นานับประการ.
*เนื่องด้วยในปีพ.ศ 2485 ผู้ว่าราชการเมืองจังหวัดจันทบุรีได้ เล็งเห็นว่าสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยืดเยื้อไม่ยุติลงง่ายๆประกอบกับทางเมืองจันทบุรี ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพของท่านเจ้าคุณพระ ธรรมวงศาจารย์
(ลี จุนฺโท) ซึ่งเป็นที่เคารพรักนับถือของชาว จังหวัด
จันทบุรี เพื่อเป็นการระลึก ถึงพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระ ธรรมวงศาจารย์ จึงได้จัดสร้างเหรียญที่ระลึก รุ่นนี้ขึ้น เพื่อแจกจ่าย ลูกศิษย์ และชาวจังหวัดจันทบุรี ไว้เป็นขวัญกำลังใจ ในยามบ้านเมืองเกิดภัยสงคราม จะได้ช่วยป้องกันคุ้มครองภัยได้ จำนวนการสร้าง 2000 เหรียญ เท่าที่พบมีเนื้อ ทองแดงกะไหล่ทอง พบเจอน้อย เนื้อทองแดง และทองแดงรมดำ จะพบเห็นมากหน่อย อีกทั้งยังนำเหรียญเจ้าคุณพระ ธรรมวงศาจารย์ (ลี จุนฺโท) รุ่นนี้ ฝากนำเข้า
พิธีพุทธาภิเษก ณ.วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ
พร้อมกับพระหล่อ พระพุทธชินราช รุ่น อินโดจีน
ปีพ.ศ 2485 จากนั้นจึงนำกลับมาแจก ประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวจันทบุรี.
**พิธีปลุกเสกพระพุทธชินราชรุ่น อินโดจีน ปีพ.ศ2485 นั้นเป็น(พิธีที่ยิ่งใหญ่ สุดขลัง) ปลุกเสกเพื่อแจกจ่ายทหาร ออกไปรบ หรือให้ประชาชน ไว้คุ้มครองภัยยามสงคราม ช่วงสงครามกำลังครุกรุ่น
จากเหตุพิพาทดินแดนกัน ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศศึกสงครามกับฝรั่งเศส นักล่าอณานิคม
จากสงครามในครั้งนั้น ทำให้ทหารไทยได้รับสมญานามว่า “ทหารผี” โดยมีผู้รู้เห็นได้เล่าว่า ทหารไทย
ถูกยิงเข้าเต็มอก อย่างจังแทนที่จะตายกลับไม่เป็น
ไร แค่ล้มกลิ้ง ล้มหงาย แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก
จนทำให้ทหารฝ่ายตรงข้าม หวาดผวาจนต้องตั้ง
ฉายา ทหารไทยว่า “ทหารผี ฆ่ากี่ทีก็ไม่ตาย”
**พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ.วัดสุทัศน์เทพวราราม
เมื่อวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่
21 มีนาคม พ.ศ 2485 มี สมเด็จพระสังฆราช
(แพ ติสสเทโว) เสด็จเป็นองค์ประธาน ในพิธี และ
ยังได้เชิญ พระเกจิคณาจารย์ ผู้เรืองเวทย์ แก่กล้า
วิชาอาคม 108 รูปในสมัยนั้นมาร่วมพิธีอธิฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล เพื่อแจกจ่าย ทหารไปร่วมรบสงครามโดยเฉพาะ ให้ผลพุทธคุณ ทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี เป็นยอด.
#รายนามพระเกจิคณาจารย์ที่ร่วมพิธีปลุกเสก #
1/ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม
กรุงเทพฯ เป็นองค์ประธานในพิธี
2/ ท่านเจ้าคุณศรี สนธิ์ วัดสุทัศน์เทพวราราม
กรุงเทพฯ เป็นผู้ดำเนินการควบคุมการจัดสร้าง
3/ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี
4/ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา
5/ หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆษิตาราม จ.ธนบุรี
6/ หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จ.ลพบุรี
7/ หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา
8/ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี
9/ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม
10/ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ
11/ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด จ.ธนบุรี
12/ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร
13/ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จ.นนทบุรี
14/ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี
15/ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
16/ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ จ.อยุธยา
17/ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา
18/ พระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ วัดเทพศิรินทร์
กรุงเทพฯ
19/ หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ กรุงเทพฯ
20/ สมเด็จพระมหาวีระวงศ์ติสโส อ้วน วัดบรมนิวาส
กรุงเทพฯ
21/ สมเด็จพระสังฆราชชื่น วัดบวรนิเวศวิหารกรุงเทพฯ
22/ สมเด็จพระพุฒาจารย์นวม วัดอนงค์คาราม
กรุงเทพฯ
23/ พระครูปลัด เส่ง วัดกัลยาณมิตร จ.ธนบุรี
24/ หลวงพ่อเปลี่ยน วัดชัยชุมพล (วัดใต้)จ.กาญจนบุรี
25/ หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา
26/ หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค จ.อยุธยา
27/ หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ จ.อยุธยา
28/ หลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้ จ.นนทบุรี
29/ หลวงพ่ออาจ วัดดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร
30/ หลวงพ่อกลิ่น วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี
31/ สมเด็จพระสังฆราชอยู่ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
32/ หลวงพ่อเชย วัดเจษฎาราม จ.สมุทรสาคร
33/ หลวงพ่อปาน วัดเทพธิดาราม กรุงเทพฯ
34/ หลวงพ่อเซ็ก วัดทองธรรมชาติ กรุงเทพฯ
35/ หลวงพ่อเจีย วัดพระเชตุพน กรุงเทพฯ
36/ หลวงพ่อเผื่อน วัดพระเชตุพน กรุงเทพฯ
37/ หลวงพ่อหลิม วัดทุ่งบางมด(โพธิ์ทอง) จ.ธนบุรี
38/หลวงพ่อแพ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
39/ หลวงพ่อสอน วัดพลับ จ.ธนบุรี
40/ หลวงพ่อเฟื่อง วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
41/ หลวงพ่อบัว วัดอรุณราชวราราม จ.ธนบุรี
42/ หลวงพ่อนาค วัดอรุณราชวราราม จ.ธนบุรี
43/ หลวงพ่อปลั่ง วัดคูยาง (วัดพระบรมธาตุ)จ.กำแพงเพชร
44/ หลวงพ่อชุ่ม วัดพระประโทน จ.นครปฐม
45/ หลวงพ่อสนิท วัดราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
46/ หลวงพ่อเจิม วัดราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
47/ หลวงพ่อสุข วัดราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
48/ พระครูอาคมสุนทร มา วัดราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
49/ หลวงพ่อดี วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ)จ.กาญจนบุรี
50/เจ้าคุณประหยัด วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ
51/ หลวงพ่อปลอด วัดหลวงสุวรรณ
52/ หลวงพ่ออิ่ม วัดชัยพฤกษ์มาลา จ.ธนบุรี
53/ หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก จ.ประจวบคีรีขันธ์
54/ หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน จ.ชุมพร
55/ หลวงพ่อครุฑ วัดท่อฬ่อ จ.พิจิตร
56/ หลวงพ่อกลีบ วัดตลิ่งชัน จ.ธนบุรี
57/ หลวงพ่อทรัพย์ วัดสังฆราชาวาส จ.สิงห์บุรี
58/ หลวงพ่อแม้น วัดเสาธงทอง จ.ลพบุรี
59/ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน จ.สมุทรสาคร
60/ หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม จ.ลพบุรี
61/ หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตาคาม จ.ปราจีนบุรี
62/ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร
63/ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก จ.ระยอง
64/ หลวงพ่อหมา วัดน้ำคือ จ.แพร่
65/ หลวงปู่จันทร์ วัดบ้านยาง จ.ราชบุรี
66/ หลวงปู่เหมือน วัดโรงหีบ จ.ปทุมธานี
67/ หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
68/ หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง จ.อยุธยา
69/ หลวงพ่อปลื้ม วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท
70/ หลวงพ่อแนบ วัดระฆังโฆษิตาราม จ.ธนบุรี
71/ หลวงพ่อเลียบ วัดเลา จ.ธนบุรี
72/ หลวงพ่อพักตร์ วัดบึงทองหลาง กรุงเทพฯ
73/ หลวงพ่อสอน วัดลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี
74/ หลวงปู่เผือก วัดโมลี จ.นนทบุรี
75/ หลวงพ่อผิน วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
76/ หลวงพ่อเจียง วัดเจริญธรรมาราม จ.สมุทรสงคราม
77/ หลวงพ่อทองอยู่ วัดประชาโฆษิตาราม จ.สมุทรสงคราม
78/ หลวงพ่อไวย์ วัดดาวดึงส์ จ.สมุทรสงคราม
79/ หลวงพ่อกลึง วัดสวนแก้ว จ.สมุทรสงคราม
80/ หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง จ.อยุธยา
81/ หลวงปู่จันทร์ วัดคลองระนง จ.นครสวรรค้
82/ หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร จ.ธนบุรี
83/ หลวงพ่อศรี วัดพลับ จ.ธนบุรี
84/ พระอาจารย์เชื้อ วัดพลับ จ.ธนบุรี
85/ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก จ.ธนบุรี
86/ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม
87/ หลวงพ่อพริ้ง วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ
88/ หลวงพ่อขำ วัดตรีทศเทพ กรุงเทพฯ
89/ หลวงพ่อหนู วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
90/ หลวงพ่อทองคำ วัดปทุมคงคาราม กรุงเทพฯ
91/หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุธาราม จ.สมุทรสงคราม
92/ หลวงพ่อกรอง วัดสว่างอารมณ์ จ.อยุธยา
93/ หลวงพ่อเนียม วัดเสาธงทอง จ.ลพบุรี
94/ หลวงพ่อบุญ วัดอินทราราม จ.ชัยนาท
95/ หลวงพ่อเปลี่ยน วัดบึง จ.โคราช
96/ หลวงพ่อฉ่ำ วัดท้องคุ้ง จ.สมุทรปราการ
97/ หลวงพ่อพรหมสรรอด วัดบ้านไพร จ.โคราช
98/ หลวงปู่จันทร์ วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพฯ
99/ หลวงพ่อโสม วัดราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
100/ หลวงพ่อบุตร วัดใหญ่บางปลากด จ.สมุทรปราการ
101/ หลวงพ่อโต วัดบ้านกล้วย จ.โคราช
102/ หลวงพ่อทองอยู่ วัดบางหัวเสือ จ.สมุทรปราการ
103/ หลวงพ่อวงศ์ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
104/ พระอาจารย์พงษ์ วัดกำแพง จ.ธนบุรี
105/ พระอธิการชัย วัดเปรมประชา จ.ปทุมธานี
106/ หลวงปู่รอด วัดเกริ่น จ.ปทุมธานี
107/ หลวงพ่อเที่ยง วัดบางหัวเสือ จ.สมุทรปราการ
108/หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ (ตัวท่านไม่ได้มาร่วมปลุกเสก แต่จารแผ่นทองเหลือง ทองแดงมาร่วมพิธี)
* นับได้ว่าเป็นเหรียญที่น่าแขวน บูชาอีกวัดหนึ่ง
ใช้แทนพระพุทธชินราช “รุ่นอินโดจีน” ได้อย่างสบายเพราะเจตนาการสร้าง บริสุทธิ์ เพื่อสาธารณะเหรียญนี้เป็นเหรียญเก่า อันดับต้นๆของเมืองจันทบุรี
หายากมากๆกับจำนวนการสร้างที่น้อย 2000เหรียญ
ควรค่าแก่การอนุรักษ์ บูชาเป็นอย่างยิ่ง.
โดยสมาชิก ชื่อ สายลม ชมดาว
จากกลุ่ม เหรียญเก่ายอดนิยม