เปิด..ไห้..บู..ชา

#เหรียญยอดนิยม เหรียญนั่งพาน หลวงป

💥 เปิด..ไห้..บู..ชา 💥

#เหรียญยอดนิยม เหรียญนั่งพาน หลวงปู่ทิม
วัดละหารไร่ ปี 2518 (บล๊อกหลักจิก #นิยมสุด)
#พร้อมทองหนาๆ

“#ประวัติความเป็นมา เหรียญนั่งพาน หรือ เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา”

วัตถุมงคลยอดนิยม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ร่มโพธิ เล่มที่ 69 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2538
โดย อาจารย์เพียรวิทย์ จารุสถิติ

ที่มาของ เหรียญนั่งพาน หรือ เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา

ผมดีใจมากครับที่เพื่อนๆ ทุกท่านได้ติดตามและให้ความสนใจเกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่ทิมด้วยดีตลอด บางรายก็โทรมาแสดงความยินดี และบางรายก็เขียนจดหมายส่งไปเป็นกำลังใจจำนวนมากทีเดียว ซึ่งผมต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ตอบเป็นการส่วนตัว และจะขอจำความมีน้ำใจของทุกท่านและจะขอจารึกอยู่ในใจของผมไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

เพื่อนๆ ทุกคนได้โทรไปหาผมที่ “ร่มโพธิ์” ทุกคนอยากจะให้ผมเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเหรียญ 8 รอบรุ่นหนึ่งคือ เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา หรืออีกนัยหนึ่งเรียกกันสั้นๆ ว่า “เหรียญนั่งพาน” ซึ่งต่อมาเหรียญหลวงปู่ทิมรุ่นนี้จัดว่าเป็น “เหรียญครู” และ “เหรียญต้นแบบ” ของเหรียญเกจิอาจารย์ยุคหลังได้สร้างขึ้นมาทั้งหมดก็ว่าได้

ที่มาของ เหรียญนั่งพาน หรือ เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา

เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นมา 2 แบบ คือ แบบพิมพ์เสมา (นั่งพาน) และอีกแบบหนึ่งมีลักษณะเป็นหยดน้ำ ผู้สร้างคือ มงคล นาคแพน, นายสาย แก้วสว่าง ของผม โดยมีหลวงปู่ทิมคอยให้ความเห็น

จากคอลัมน์เล็กๆ ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ของ “สายธารแห่งศรัทธา” โดย เทพชู ทับทอง เมื่อปี พ.ศ.2529 ว่า “มาโนช เหล่าขวัญสถิตย์ เจ้าของภัตตาคารนาวาชายหาด ประกาศว่า ใครที่เป็นโรคกรรมโรคเวร หมอรักษาไม่หาย ให้ลองนำเหรียญหลวงปู่ทิมรุ่นนั่งพานและหยดน้ำไปอธิษฐานรักษาดู รับรองว่าถ้าเป็นโรคกรรมโรคเวรจริง โอกาสหายจะมีถึง 100%”

เหรียญรักษาโรคเวรกรรมนี้ เป็นเหรียญเดียวที่หลวงปู่ทิมได้ใช้ให้ลูกศิษย์ที่เฝ้าดูแลท่านที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา ให้นำมาแจกจ่ายคนไข้, หมอ, พยาบาล และบุคคลที่เคารพในตัวท่านเมื่อมาเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล จึงทำให้ใครๆ ที่ได้รับแจกจึงเรียกชื่อเหรียญรุ่นนี้ว่า “เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา” แต่บางรายก็เรียกสั้นๆ ว่า เหรียญนั่งพานและเหรียญหยดน้ำ

คุณมาโนช เหล่าขวัญสถิตย์ เจ้าของภัตตาคารนาวาชายหาด อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี ได้เล่าให้ผมฟังถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญ หรือวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่า

ผมหายจากอัมพาตอย่างประหลาด

คุณมาโนช ได้ประสบอุบัติเหตุหงายหลังศรีษะฟาดพื้นปูนซีเมนต์อย่างแรง เมื่อคืนวันที่ 25 ธันวาคม 2518 ปรากฏว่าถึงกับสลบเหมือดทันที 3 วัน 3 คืน เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็เป็นอัมพาตครีงตัว ซีกขวาทั้งซีกขยับไม่ได้เลย แถมยังช่วยตัวเองไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนั่ง การนอนและการถ่าย ต้องอาศัยลูกหลานและภรรยาคอยให้ความดูแลอย่างใกล้ชิด

ในช่วงนั้นคุณมาโนชมีความรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย จากคนที่ไปไหนมาไหนได้ กลับต้องมาเป็นคนที่เคลื่อนไหวขยับตัวไปไหนไม่ได้ จึงเกิดความคิดมากและน้อยใจอยู่ในตัว และเมื่อทำใจให้สงบแล้ว คุณมาโนชก็นึกถึงหลวงปู่ทิมทันที จึงยกมือซ้ายขึ้นพนมมือตั้งจิตอธิษฐาน นึกถึงความดีที่ตนเคยนำอาหารไปถวายท่าน นึกตัดพ้อหลวงปู่ทำไมไม่ช่วย ทำไมต้องให้ตนมาทรมาน ถ้าเป็นเช่นนี้ลูกเมียตนใครจะรับผิดชอบรวมทั้งบิดา-มารดาที่แก่ชรามากแล้ว นึกแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้

ฉับพลันนั้นเองก็มีความรู้สึกเสมือนหลวงปู่ทิมปรากฏร่างและใช้เท้าเหยียบไปที่ตัวคุณ
มาโนชอย่างแรง คุณมาโนชเกิดพลังใจอย่างประหลาดและมีความรู้สึกว่าตนเองจะต้องหายจากการเป็นอัมพาตอยางแน่นอน

คุณมาโนชรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีราชาอยู่ 1 เดือน อยู่ที่โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์อยู่ 9 วัน หลังจากนั้นจึงย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา โดยเป็นคนไข้ของ นายแพทย์สุรพล อำพันวงษ์ วันแรกไปถึงหมอเอาเข็มฉีดเส้นเลือดเพื่อดูดเลือดไปตรวจ แต่เข็มแทงไม่เข้า จึงต้องขอร้องให้คุณมาโนชถอดสร้อยพระที่คล้องหลวงปู่ทิมออก วันที่สองก็เข้าห้องผ่าตัดสมองทันที เริ่มทำการผ่าตัดตั้งแต่ 9 โมงเช้าของวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2519 ไปเสร็จเอาเมื่อเวลาเที่ยงพอดี ตลอดที่เวลาผ่าตัดอยู่นั้น คุณมาโนช ได้แขวนเหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา(เหรียญหยดน้ำ) และพระเครื่องของหลวงปู่ทิมทั้งหมดโดยไม่มีพระเครื่องอื่นปนเลย

เมื่อผ่าตัดสมองเสร็จแล้ว คุณหมอและพยาบาลได้ถามคุณมาโนชว่า อยากจะทานอาหารไหม? เพราะการผ่าตัดสมองต้องใช้ความละเอียดอ่อนมาก เพราะถ้าเกิดทานเข้าไปแล้ว คนไข้บางคนอาจจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนออกมาได้ แต่รายของคุณมาโนชทานโจ๊กได้และไม่มีอาการแทรกซ้อนเหมือนคนไข้อื่น คุณหมอจึงมีความเชื่อมั่นว่า คุณมาโนชจะต้องหายจากการเป็นอัมพาตภายใน 6 เดือน แต่เนื่องจากมาโนชมีกิจธุรกิจมากและตัวเองเปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัว ถ้าใช้เวลานานความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คุณมาโนชจึงทำใจให้นิ่งตั้งจิตอธิษฐานขอหลวงปู่ว่า “หมอบอกว่าผมจะหายภายใน 6 เดือน แต่ผมขอหลวงปู่เพียง 6 วัน หลวงปู่ช่วยผมด้วยนะครับ”

ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ เพราะผมหายจากอัมพาตอย่างหมดสิ้นภายใน 6 วัน หลังจากที่หมอตัดเส้นไหมแผลและอนุญาตให้ออกกำลังได้ หมอให้ผมแกะกระดุมเสื้อ วันแรกแกะไม่ได้ ตกกลางคืนผมได้จุดธูปนึกถึงหลวงปู่ อ้อนวอนท่านขอให้ผมแกะกระดุมเสื้อให้ได้ พอวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าผมแกะกระดุมเสื้อได้ปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พอหมอมาตรวจ ผมก็แกะกระดุมให้หมอมนตรี อมรพิเชษฏกุล และหมอสุรพงษ์ อำพันวงษ์ ดูทันที ท่ามกลางความงุงงงของนายแพทย์ทั้งสองท่าน ผมจึงขออนุญาตหมอเพื่อกลับบ้าน เพราะผมคิดถึงบ้านมาก หมอบอกว่า ยังกลับไม่ได้เพราะยังเดินไม่ได้ ผมก็เลยทดลองเดินให้หมอดูโดยไม่ใช้ไม้เท้า หมอจึงตัดสินใจให้ผมกลับบ้านได้ และหมอได้ถามผมเมื่ออยู่คนเดียวว่า คุณมาโนช คุณเป็นคนที่โชคดีมาก ผมทำการผ่าตัดมาหลายปีแล้ว เพิ่งมีคุณเป็นคนแรกที่รอดชีวิตและหายพิการได้อย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเหมือนกัน

เหรียญนั่งพานและหยดน้ำ สร้างขึ้นมาโดยมี เนื้อทองแดงอย่างละ 5,000 เหรียญ เหรียญทองคำมีอย่างละ 2 เหรียญ เหรียญเงินอย่างละ 20 เหรียญ เหรียญนวโลหะอย่างละ 9 เหรียญ มีลองพิมพ์เนื้อชินตะกั่วด้านหน้า 2 เหรียญ ด้านหลัง 1 เหรียญ แต่ละเหรียญได้ทำการตอกโค๊ดด้วยตัว “ท” ตามตำแหน่งของความสำคัญของเหรียญ ส่วนแม่พิมพ์ปั๊มเหรียญชุดนี้ได้ให้นายช่างประหยัด ลออพันธ์สกุล หรือช่างอ๊อด ทำลายทิ้งไปทั้งหมดจึงมั่นใจได้เหรียญรุ่นนี้จะไม่มีการสร้างเสริมเด็ดขาด

ลักษณะของเหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชาพิมพ์เสมานั่งพาน เป็นเหรียญที่หลวงปู่ทิมให้ความเห็นเองว่า ควรให้มีตราธรรมจักร, กวาง, พญานาค อันเป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาไว้ด้วย นายมงคล ซึ่งเป็นช่างทำโบสถ์จึงได้ออกแบบเหรียญนี้ให้มีลวดลายละเอียดพอสมควร คือมีลักษณะเป็นรูปเสมา อันเป็นเครื่องหมายของเสมาธรรมจักร ขอบเหรียญมีลวดลายเป็นกนกโดยมีพญานาค 2 ตัวขดไปตามรูปโค้งขอบเหรียญ เพื่อเป็นที่ระลึกว่า แม้แต่พญานาคซึ่งเป็นเดรัจฉาน ก็ยังมีความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา ปรารถนาแสวงหาความหลุดพ้นถึงกับแปลงกายเป็นมานพน้อยเพื่อขอเข้าอุปสมบทแต่เมื่อถึงพิ
ธีสวดยัติเป็นพระภิกษุ อิทธิฤทธิ์ที่พญานาคได้ปลอมแปลงเข้ามาสู้อำนาจพระพุทธคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุ
ทธเจ้าไม่ได้ จึงได้เกิดเสื่อมกลายเป็นพญานาค เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบ และทรงเห็นใจในความตั้งใจจริงของพญานาค พระองค์จึงได้บัญญัติไว้ว่า ชายใดที่มีความประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุต้องผ่านการเป็นนาคเสียก่อน

ตรงกลางเหรียญนี้เป็นรูปหลวงปู่ทิม ผนังด้านหลังหลวงปู่ทิมเป็น รูปธรรมจักรมีกงล้อและลูกศร หมายถึงศาสนาพุทธได้หมุนเวียนสืบทอดมาถึง 2500 ปีแล้ว ส่วนลูกศรหมายถึง เครื่องหมายในการประหารกิเลสตัณหา ในขอบของธรรมจักรมีอักษรไทยจารึกว่า “คณะศิษย์สร้างถวายบูชาคุณพระครูภาวนาภิรัตหลวงปู่ทิม”

สำหรับพานที่รองรับหลวงปู่ทิม ครั้งแรกนายมงคลได้ออกแบบให้หลวงปู่นั่งอยู่ในดอกบัว แต่หลวงปู่ได้แย้งว่า นี่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ผมจึงนึกถึง รัฐธรรมนูญที่มีพานรองรับ ทุกคนก็เลยมีมติพร้อมใจกันให้ใช้พานรองรับพระรูปหลวงปู่ทิม เพื่อเป็นการแสดงถึงความเคารพที่เราทุกคนมีต่อท่าน

ด้านล่างของพานทั้งสองจะเห็นมีภาพกวางนั่งหมอบเหลียวหลังอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา ใต้พานลงมามีอักษรภาษาไทยจารึกไว้ว่า “ฉลองอายุครบ 8 รอบ พ.ศ. 2518” สำหรับด้านบนของเหรียญจะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อยู่องค์หนึ่ง จนทำให้เหรียญนี้มีความหมายครบแก้ว 3 ประการคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าผู้ใดมีเหรียญนี้เพียงเหรียญเดียวจัดว่า “ครบพระรัตนตรัย”

สำหรับด้านหลังเหรียญนั่งพานนี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ให้ความเมตตาให้ใช้ ยันต์อิติปิโส 8 ทิศ หรือที่ท่านจะเรียกว่า ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์ ด้านล่างของยันต์นี้ ท่านได้เมตตาลงมหาอุดกันปืนไว้ด้วย เนื่องจากจุดประสงค์ของท่านต้องการให้เหรียญนี้สำหรับผู้ชายใช้ ส่วนเหรียญหยดน้ำนั้น ท่านต้องการให้ผู้หญิงไว้ใช้ ท่านจึงให้ลงยันต์หัวใจชาย หัวใจหญิง ลงไปในเหรียญรุ่นนี้ด้วย ถ้าเราหยิบเหรียญทั้ง 2 รุ่น มาพิจารณาดูให้ดี จะเห็นว่าด้านหลังของเหรียญสำหรับผู้หญิง จะมียันต์ “มะ ลือ ลือ” ส่วนของเหรียญนั่งพาน จะมียันต์ว่า “อะ ลือ ลือ” และด้านล่างลงมามีคำว่า “วัดละหารไร่ ระยอง”

สำหรับเหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์นั่งพาน หรือพิมพ์หยดน้ำ หลวงปู่ทิมได้ทำการปลุกเสกและอธิษฐานจิตให้ผู้ที่มีเหรียญนี้ จงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีอายุมั่นขวัญยืน และท่านยังอธิษฐานให้เหรียญนี้สามารถให้มีอำนาจพุทธคุณรักษาโรคกรรมเวร ถ้าโรคนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก ไม่ใช่ว่าใครทีมีเหรียญนี้แล้วจะเป็นอมตะ ความหมายของหลวงปู่ทิมไม่ใช่เช่นนั้น โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย เพราะแม้กระทั่งตัวของท่านเองที่เป็นผู้ปลุกเสกยังจะต้องตาย เพราะใครๆ ทุกคนต่างหนีไม่พ้น ตามกฎไตรลักษณ์ เกิด เจ็บ ตาย

ลักษณะเหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา พิมพ์หยดน้ำ มีลักษณะเป็นรูปหยดน้ำ ด้านหน้าเป็นรูปหยดน้ำ มีรูปหลวงปู่ทิมครึ่งองค์หลับตาด้านบนศรีษะมีอักขระขอมว่า “อุ” ส่วนด้านข้างมีคำว่า “มะ” และ “อะ” มีหนังสืออยู่ใต้รูปหลวงปู่ทิมว่า “หลวงปู่ทิม อิสริโก” และมีเลข “96” บอกถึงอายุของท่าน ตามขอบเหรียญด้านใน มีอักขระขอมว่า “มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ” ส่วนด้านล่างมีอักษรไทยจารึกไว้ว่า “ศิษย์สร้างถวายบูชาคุณพระครูภาวนาภิรัต วัดละหารไร่ จ.ระยอง” ส่วนยันต์ข้างหลังก็เป็นยันต์เดียวกับที่ใช้อยู่ในเหรียญนั่งพาน

บรรดาวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมนี้ เหรียญรุ่นนี้จัดว่าเป็นเหรียญที่มีลวดลายการสร้างสวยงามมากเป็นเหรียญที่มีความหมาย
อยู่ในตัว ใครมีเหรียญนี้ก็ควรจะภูมิใจได้เลยว่า ท่านมีของที่มีคุณค่าเหนือคุณค่ากว่าสิ่งอื่นใดอยู่ในมือแล้ว ผมไม่ได้เขียนเชียร์นะครับ เพราะลำพังตัวผมเวลานี้ยังไม่มีครบทุกเนื้อ ทาง บก บอกให้ไปถ่ายรูป ผมยังต้องไปยืมพรรคพวกมาถ่ายเลยครับ

หลวงปู่ทิม ได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้เป็นเวลานานพอสมควร ท่านได้ลงเมตตามหาอุด, แคล้วคลาด, มหาอำนาจ ลงไปในเหรียญนี้อย่างเต็มที ดังมีจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งได้เล่าประสบการณ์ของเหรียญนี้โดยผู้เล่าเป็นคนขับรถส่งกระ
เบื้องอยู่ที่โรงงานเด่นจันทร์ จ.จันทบุรี ซึ่งผมจะนำลงมาให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดูเพื่อจะได้เพิ่มอรรถรสในการอ่านมากขึ้น จดหมายนั้นมีใจความว่า

“คิดดูมันก็แปลก สมัยก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องทางไสยศาสตร์เลย เห็นบางคนนับถือยังอดดูถูกและหัวเราะเขาในใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ ในเรื่องคาถาอาคมเพราะเดี๋ยวนี้ฝรั่งเขาไปโลกพระจันทร์กันแล้ว นึกอยู่ในใจว่า ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงก็ขอให้มาโดนตัวผมเองผมถึงจะเชื่อ

จนผ่านมาหลายเดือน ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2517 ผมถูกเจ้านายใช้ให้นำเอากระเบื้องไปส่งที่วัดหลวงปู่ทิม จังหว้ดระยอง ครั้งแรกมาก็เฉยๆ ไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก จนมาส่งเป็นครั้งที่ 2,3,4 จึงทำให้อดแปลกใจว่า วันหนึ่งๆ มีรถขับมาที่วัดมากมายเหลือเกิน เขามาทำไมกันนะ ผมจึงเดินขึ้นไปบนวัด ผมได้เช่าเหรียญที่อยู่ในตู้ไป 5 เหรียญ เพราะตอนนั้นมีคนมาเช่ากันมาก เมื่อเช่าไปแล้วผมก็นำมาเก็บไว้ที่บ้านเฉยๆ ไม่เคยคิดจะใช้

จนครั้งหลังสุดผ่านการทำบุญฉลองอายุ 8 รอบ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2518 จนถึงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2518 ผมได้ขับรถมาส่งกระเบื้องมุงหลังคาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับผมได้ขึ้นไปกราบหลวงปู่ทิม ท่านก็ทักผมว่ามาเมื่อไหร่ ผมจึงถามท่านว่า หลวงปู่จำผมได้หรือ ท่านก็ตอบว่าจำได้มาส่งที่วัดกระเบื้องบ่อยๆ และหลวงปู่ทิมได้หยิบเหรียญส่งให้ผม 1 เหรียญบอกว่า เก็บติดตัวไว้ให้ดี จะได้คุ้มตัวได้ ผมก็รับเหรียญมาจากท่าน รู้สึกว่าเป็นเหรียญทีมีลักษณะสวยงามมาก มีลายพญานาคอยู่ที่เหรียญและมีหลวงปู่ทิมนั่งอยู่บนพาน ข้างล่างมีอักษรว่าฉลองอายุครบ 8 รอบ พ.ศ.2518 ผมจึงนำไปเลี่ยมพลาสติกและก็นำติดตัวไว้ ที่นำติดตัวไว้ก็มิใช่ว่าจะนับถือหรือเชื่อมั่นเพียงแต่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เพราะคิดว่าหลวงปู่อุตส่าห์ให้มาเก็บไว้เป็นมงคลแก่ตนเอง

จนต้นเดือนธันวาคม พ.ศ.2518 ผมได้ถูกนายจ้างใช้ให้ขับรถเอากระเบื้องไปส่งที่ปักษ์ใต้ ขากลับผมขับรถออกมาทางปัตตานีได้มีคนแต่งชุดเขียวกลุ่มใหญ่ ประมาณ 12 คน ดักอยู่กลางทางส่งสัญญาณให้รถหยุดผมนึกสังหรณ์ใจว่าคงไม่ใช่ทหารแน่เพราะไม่มีไม้กัน
และแสงไฟ ผมจึงเร่งรถเต็มที่ คนเหล่านั้นจึงยิงสวนมาทางหน้ารถ รู้สึกว่ามีกระสุนหลายนัดกระทบตัวผม ด้วยความกลัวทำให้ผมเร่งรถเต็มที่เพื่อจะหนีไปให้ได้ เด็กรถที่นั่งมาด้วย 2 คนก้มตัวหลบและร้องด้วยความตื่นตระหนก

ผมขับรถหนีมาได้ไกลประมาณ 10 กิโลเมตร จึงหยุดรถที่มีชาวบ้านมามุงดูหลายคน สภาพรถนับรูกระสุนได้ 27 รู ส่วนทางด้านหน้าที่กลุ่มคนร้ายยิงสวนเข้ามากระจกหน้าแตกละเอียดทั้งบาน เมื่อคนที่มามุงดูเห็นสภาพกระจกหน้ารถที่ถูกกระสุนปืนแล้ว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนนั่งข้างหน้าโดยเฉพาะคนขับไม่น่าจะมีทางรอด แต่ผมก็รอดตายพร้อมทั้งเด็กอีก 2 คน ที่นั่งอยู่ข้างหน้าแต่ระหว่างถูกยิงได้ก้มหลบลงไปติดพื้นที่วางเท้า ผมเองตามตัวถูกกระสุนปืนหลายสิบนัดแต่ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย แต่ที่น่าแปลกคือเศษกระจกก็ไม่ได้ทำให้ผมมีเลือดออก หรือกระเด็นมาถูกลูกตาเลย ในตัวผมมีเหรียญที่หลวงปู่ทิมมอบให้กับมืออยู่ในกระเป๋าเสื้อเหรียญเดียว เดี๋ยวนี้ผมเชื่อว่าคาถาอาคมนั้นมีจริง และผมจะยึดอยู่กับองค์หลวงปู่ทิมที่ท่านได้ช่วยชีวิต รวมทั้งเด็กรถทั้ง 2

จากจดหมายที่กล่าวมานี้ เป็นของคุณเฉวียง ด่านเนินสูง เป็นพนักงานขับรถส่งกระเบื้องของโรงงานเด่นจันทร์ จ.จันทบุรี ซึ่งได้มาเล่าสู่กันฟังเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2519 แสดงให้เห็นถึงพลานุภาพของเหรียญรุ่นนี้ ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจพุทธคุณในด้านรักษาโรคกรรมโรคเวรแล้ว เหรียญนี้ยังสามารถมีอิทธิฤทธิ์ในด้านคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดอีกด้วย เพราะคุณเฉวียงนอกจากถูกกระสุนปืนแรงสูงเอ็ม 16 ไม่เข้าแล้ว อานุภาพของอำนาจพุทธคุณที่หลวงปู่ทิมอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ ยังแผ่บารมีคุ้มครองเด็กประจำรถที่นั่งอยู่ข้างๆ อีก 2 คนให้รอดพ้นจากระสุนปืน ซึ่งยิงมาราวห่าฝนอีกด้วย และเด็กทั้ง 2 คนนี้ก็ไม่ได้มีพระเครื่องหรือเครื่องรางอื่นใดติดตัวเลย




โดยสมาชิก ชื่อ Joe Barameth
จากกลุ่ม พระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่