Xoxo สุดปัง

#เปิด พระบูชารัชกาล ศิลปะเชียงแสน หน้าตัก

Xoxo สุดปัง 🆕

#เปิด พระบูชารัชกาล ศิลปะเชียงแสน หน้าตัก 9 นิ้ว
พระหล่อได้เต็มทุกสัดส่วน ศิลปะชั้นครู
ใต้ฐานดินไทยเต็ม ผิวหิ้ง เก่าเดิม สวยๆ
ราคา 12,000 บาท ใจร้อนโทร 063 235 4594….📞

⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐

…. ความเป็นมาของ�พระบูชารัชกาล� : พระหลักยอดนิยม โดยตาล ตันหยง

พระพุทธรูป เริ่มมีการสร้างขึ้นครั้งแรกหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วประมาณ ๕๐๐ ปี ในแคว้นคันธาราฐ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอนุทวีป ต่อมาความนิยมบูชาพระพุทธรูปก็แพร่หลายลงมาทางใต้ จนชาวมคธและมณฑลอื่นๆ ต่างพากันสร้างพระพุทธรูปทั่วไปในประเทศอินเดีย และประเทศใกล้เคียง ซึ่งได้รับลัทธินิยมการสร้างพระพุทธรูปตามกาลสมัย และมีการประยุกต์เปลี่ยนแปลงแบบอย่างพระพุทธรูปตามความคิดของตนเอง จนเกิดเป็นพุทธศิลป์ที่แตกต่างกัน เช่น พระพุทธรูปสมัยทวารวดี (ระหว่าง พ.ศ.๑๐๐๐-๑๒๐๐), สมัยศรีวิชัย (ระหว่าง พ.ศ.๑๒๐๐-๑๗๐๐), สมัยลพบุรี (ระหว่าง พ.ศ.๑๕๐๐-๑๘๐๐), สมัยเชียงแสน (ระหว่าง พ.ศ.๑๖๐๐-๒๐๘๙), สมัยสุโขทัย (ระหว่าง พ.ศ.๑๘๐๐-๑๘๙๓), สมัยอู่ทอง (ระหว่าง พ.ศ.๑๗๐๐-๒๐๐๐), สมัยศรีอยุธยา (ระหว่าง พ.ศ.๑๘๙๓-๒๓๒๕)

พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ เป็นต้นมา ที่มีการขึ้นหุ่นปั้นแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ ตามรูปแบบศิลปะที่คิดค้นขึ้นมาเอง หรืออาจจะดัดแปลงมาจากศิลปะพระพุทธรูปรุ่นเก่าก็ได้ แล้วเททองหล่อเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ ล้วนเรียกว่า พระบูชารัชกาล ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ โดยมีแนวความคิดมาจากการสร้าง พระชัยวัฒน์ ในแต่ละรัชกาล ที่เรียกว่า พระชัยรัชกาล ซึ่งนิยมสร้างกันอย่างต่อเนื่องโดยพระมหากษัตริย์ หรือเจ้านายชั้นสูง

จากหนังสือ “พระบูชารัชกาล” จัดทำโดยทีมงานนิตยสาร “พระท่าพระจันทร์” เพื่อแจกเป็นรางวัลพระชนะเลิศแต่ละรายการ ในงานประกวดพระ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม จัดโดย ตำรวจภูธรภาค ๗ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ได้ลงเรื่อง ความเป็นมาของพระรัชกาล ว่า…

นอกเหนือจากพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลแล้ว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปองค์ย่อมๆ อื่นอีกด้วย เช่น พระนิรันตราย และพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา

ในพุทธศักราช ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้าง “พระนิรันตราย” จำนวน ๑๘ พระองค์ หล่อด้วยทองเหลืองกะไหล่ทองคำ มีซุ้มเรือนแก้ว ที่ซุ้มมีคาถา พระชุดนี้หล่อหลังพระนิรันตรายทองคำ ซึ่งสวมพระนิรันตรายองค์เดิม (พระสมัยทวารวดี) ซึ่งได้ให้รายละเอียดไว้ในข้างต้นแล้ว

พระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธรูปจำนวนเท่าพระชนมพรรษา

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ๖๔ องค์ ส่วนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา รวม ๕๘ องค์ เท่าพระชนมพรรษาของพระองค์

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีรับสั่งให้ช่างชาวต่างประเทศปั้นและหล่อพระพุทธรูปกับพระสงฆ์องค์สำคัญส่งเข้ามาอีกด้วย (พระพุทธชินสีห์ พระผอม กรมพระยาปรวเรศฯ และสมเด็จพระวันรัตแดง) ในเวลาต่อมา ตั้งแต่รัชกาลที่ ๖ จนถึงปัจจุบัน เหล่าขุนนาง ข้าราชการ คหบดี พ่อค้า ผู้มีฐานะดี และมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต่างนิยมสร้างพระพุทธรูป รวมทั้งพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ อีกทั้งสร้าง (จำลอง) พระพุทธรูปองค์สำคัญในอดีตขึ้นมา ดังปรากฏให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

อาจจะกล่าวได้ว่า คำว่า “พระรัชกาล” เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการ “จำลอง” พระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งคำนี้น่าจะเกิดขึ้นไม่นานนัก ในหมู่นักเลงพระ หรือนักสะสมพระ เป็นศัพท์ตลาดพระนั่นเองเพื่อความเข้าใจง่าย คำว่า พระขัด พระแต่ง มักนิยมใช้กันหลัง พ.ศ.๒๔๑๑ แต่คำว่า “พระรัชกาล” อาจหมายถึงพระในวังของทางราชการ หรืออาจหมายถึงเหล่าข้าราชการระดับสูงนิยมสร้างในระหว่าง พ.ศ.๒๔๖๐-พ.ศ.๒๔๗๕ ก็เป็นไปได้

สรุปได้ว่า “พระรัชกาลเป็นคำที่นักเล่นพระกำหนดขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง” ซึ่งกำหนดเรียกพระขัด แต่ไม่ทราบวัดที่มาแน่นอน แต่เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปประจำตระกูลสำคัญๆ หรือพระในราชนิกุล ซึ่งจำลองแบบ หรือเลียนแบบพระพุทธรูปพุทธศิลปะ หรือพระประธานที่มีมาแล้วแต่อดีต หรือคนประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ ตามใจผู้สถาปนาและช่าง โดยกำหนดอายุพุทธศิลป์แบบของตน ตามลักษณะมหาปุริษลักษณะ หรือตามความคิดเห็นของช่างและเจ้าภาพ หรือพระภิกษุผู้ให้การแนะนำ

พระรัชกาล จึงเป็นพระพุทธรูปแบบศิลปะโบราณ หรือประดิษฐ์คิดค้นใหม่ มีการผสมโลหะตามวัน เดือน ปีเกิด ของผู้สถาปนา โดยการคำนวณในตำราโหราศาสตร์ ผสมเนื้อโลหะตามน้ำหนักชะตาราศีของผู้ที่จะสถาปนา รวมทั้งบวกผสมกับดวงชะตาบิดา มารดา เรื่องนี้มีผู้เขียนอย่างละเอียดอยู่ใน “ตำนานหล่อพระปรมาสโย ของพระยาประเสริฐศุภกิจ (เพิ่ม ไกรฤกษ์)” เขียนเป็นจดหมายเหตุ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐

(ขอขอบพระคุณ ข้อมูลจากทีมงานนิตยสาร “พระท่าพระจันทร์)







โดยสมาชิก ชื่อ กันตภณ บุรพพงษานนท์
จากกลุ่ม ซื้อ-ขาย พระบูชาไทย Thailand Buddha statue