750

#มหาอุตม์ #หยุดปืน#ตัวจริง #เสียงจริง อีกรูปใน เมื

🙏🙏🙏♦♦💰750💰♦♦🙏🙏🙏

⛔#มหาอุตม์ #หยุดปืน🆚#ตัวจริง #เสียงจริง อีกรูปใน เมืองกรุงเก่า.???⛔

🔴#วัตถุมงคงของท่านเป็นที่นิยมของซุ้มมือปืนเป็นอย่างยิ่ง..”

🔵#พระกริ่งสมปรารถนา2534 #รุ่นแรกและเดียว

⚪#หลวงพ่อฟื้นวัดโพธิ์เผือก แห่งทุ่งมะขามหย่อง⛔👈

✅#รับประกันแท้..>> 💯💯💯

🔹🔸🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔸🔹
🔻 ➡➡➡➡⏩⏩⏩⏩▶▶▶▶ 🔻

♦♦♦#ในบรรดาวัตถุมงคลประเภทเหรียญคณาจารย์ที่ผมเคยเห็นว่าปืนนั้นยิงไม่ออกจริงๆนอกจากหลวงพ่อมหาอาคมแล้ว เห็นจะมีก็เฉพาะเหรียญหลวงพ่อฟื้นวัดโพธิ์เผือกเท่านั้น ที่ยอมรับว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ และคนที่ยิงเหรียญหลวงพ่อฟื้นก็คือคุณพ่อของผมเอง ซึ่งท่านได้ทำการทดสอบพุทธานุภาพด้วยปืน .38 รีวอลเวอร์ ของสมิทฯ ปีที่ลองคือ ปลายปี 2530 สาเหตุที่นำเหรียญหลวงพ่อฟื้นมาลองเพราะ ลูกน้องคุณพ่อเป็นศิษย์หลวงพ่อฟื้น และได้นำเหรียญรุ่นแรกมาให้กับผู้บังคับบัญชา นั้นคือคุณพ่อผม จำนวน 1 เหรียญ แล้วบอกว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน เพิ่งออกเป็นครั้งแรก และมีคนลองความขลังด้วยปืนกันมาหลายเจ้าแล้ว ส่วนใหญ่จะยิงไม่ออก มีบ้างที่ยิงออกแต่ไม่โดน ระยะที่ยิงคือระยะประชิดเลยครับเรียกว่าแบบจ่อยิงก็ว่าได้ครับ ซึ่งเมื่อฟังเช่นนั้นคุณพ่อของผมเลยเกิดอยากจะลองดูสิว่าขลังตามที่ลูกน้องมันบอกหรือเปล่า เลยมีการนำมาลองกันให้เห็นกันไปเลยครับ ผลการทดสอบความขลังก็เป็นไปตามคำร่ำลือ คือ ปืนจำนวน 3 กระบอก ไม่มีกระบอกไหนยิงออกสักนัด……..♦♦♦

🔶เกจิเก่งเงียบอีกองค์ของอยุธยาลูกศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ศุขขนาดหลวงปู่หน่ายยังเรียกฟี่ลองเปิดประวัติท่านดูเถอะแล้วจะรู้ว่าเก่งแค่ไหน

🔶#หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก เป็นศิษย์ผู้พี่หลวงปู่หน่าย อยุธยา ที่เรียนมาด้วยกัน หลวงปู่หน่ายยอมรับว่าหลวงพ่อฟื้นเก่งกว่าและเรียก “ หลวงพี่ฟื้น ” ไม่เชื่อถามคนแถววัดโพธิ์เผือกดูได้ คิดดูเองว่าหลวงปู่หน่ายเก่งแค่ไหน แล้วหลวงพ่อฟื้นล่ะจะขนาดไหน ขนาดคนอิสลามยังต้องหาเลย

🔶#ศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ยุคเดียวกับหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง และหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน ….ท่านเก่งขนาด หลวงพ่อหน่าย เรียกพี่ครับ ไม่เชื่อไปถามคนอยุธยาดูสิครับ……… แม้แต่หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชฯ ยังชมว่าเก่งจัด…วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่นิยม ของซุ้มมือปืนเป็นอย่างยิ่ง..ในอยุธยา ถ้ามีพระของท่านห้อยคอ ถือว่าอุ่นใจได้ ไปได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ. …………

🔶#หลวงพ่อฟื้นท่านบอกเองว่า พระเราไม่มีวันเสื่อม ลอดราวผ้า ลอดตะพานหัวเดียว ไม่มีปัญหา แม้พกเข้าที่อโคจร …….ขนาดศิษย์ไปเที่ยวซ่อง กำลังปฏิบัติกิจ ห้อยพระ ของท่านเพียงองค์เดียว โดนอริบุกยิง กระสุนยังด้าน เลยครับพี่น้อง………..

🆔#วัตถุมงคลของ ท่านมีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย และเรื่องเหนียว ๆ โดนกันมานักต่อนัก จากปากต่อปาก เลยทำให้วัตถุมงคลของท่าน หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว และมีราคาสูงขึ้น ครับผม..แบบนี้จะเรียกว่า สุดยอดเกจิ ตัวจริง เสียงจริง แห่งเมืองกรุงเก่า

🆔#ประสบการณ์ และเรื่องเล่า มีอยู่เรื่องนึงมีหนุ่มคนหนึ่งไปสักมาแล้วถูกยิงตาย
เมื่อก่อนนี้หลวงปู่หน่ายท่านดังมากในเรื่องสักยันต์ใครๆต่างก็ไปสักกันและ ก็นายคนนี้ด้วยครับ(ไม่ขอบอกชื่อ) แต่นายคนนี้ชอบกินเล่า เมาแล้วชอบด่าไม่เว้นจนเป็นนิสัย และก็เป็นเรื่องจนได้
และมีอยูครั้งหนึ่งไปด่าไม่รู้จักที่เลยโดนดักตีมาทีนึงแล้วก็ไม่เป็นอะไร แต่ก็คงจะถึงที่ละไปด่าใครเขาเข้าไม่รู้เลยโดนดักยิงข้างหลังขณะเวลายืนฉี่ อยู่จนตกน้ำตาย (อย่าลืมนะครับว่าเวลาสักมาแล้วหลวงปู่สั่งห้ามอะไรบ้าง) และทางบ้านเขาเลยจัดงานที่วัดโพธิ์เผือกจนถึงวันเผา

🆔เนื่องจากเป็นคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ วัดจึงได้อาราธนาหลวงพ่อฟื้นขึ้นทอดผ้าเป็นองค์แรก หลวงพ่อบังสกุลเสร็จก็พูดว่า “ของกูมึงก็ได้กันไปของดีๆของกูมึงก็ขอกันไป ของกูดีๆมึงก็ไม่ใช้กัน มึงเอาไปเก็บ ของกูทำไว้ให้ใช้ ไม่ได้ให้มึงเอาไปเก็บ ถ้ามึงใช้ของกูมึงคงไม่ต้องนอนแบบนี้หลอก”
นี่คือคำพูดก็ที่หลวงพ่อพูด ก่อนจะลงจากเมรุ แต่คำพูดนี้มีคนได้ยินเพราะยืนอยู่ข้างหลังหลวงพ่อ แล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังจนเป็นที่เรื่องลือกันไปทั่ว นี่คือความจริงจากคนได้ยินบอกเล่ากันมา

✅ชาติภูมิของหลวงพ่อฟื้น ปุญญสิริ✅

หลวงพ่อฟื้นเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๕ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่อายุยืนอีกองค์หนึ่ง ท่านมรณภาพในราวปี ๒๕๓๙ ศิริอายุประมาณ ๙๔ ปีครับ
โยมบิดา ชื่อนายหนึ่งซึ่งมีเชื้อสายจีนมาจากดินแดนโพ้นทะเลแล้วมาตั้งรกรากในประเทศไทย มารดาชื่อ นางพลอย นามสกุลตาจันทร์เป็นชาวตำบลบ้านใหม่ มีพี่น้อง3คน
1. หลวงพ่อฟื้น ปุญญสิริ(ตาจันทร์)
2. นายฮวด ตาจันทร์ รับราชการ
3. นางกิมไล้ พานทอง

ชีวิตในเยาวัยของหลวงพ่อฟื้นเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เป็นโลกเลี้ยงยากบิดามารดาจึงได้แก้เคล็ดโดยให้ชื่อใหม่ว่าฟื้น และก็ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และก็ปรากฏว่าหลวงพ่อฟื้นได้กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยเป็นโรคเหมือนแต่ก่อน ครั้นเมื่อโตจนได้วัยของการศึกษาหาความรู้บิดามารดาจึงได้นำไปฝากที่วัดเกตุ และได้บวชเป็นสามเณรศึกษาหาความรู้ทั้งภาษาไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้จากอาจารน์หน่ายวัดเกตุ(ไม่ใช่อาจารน์หน่ายบ้านแจ้งนะครับ)

และยังได้เรียนวิชาควบคู้ไปด้าย(สมัยก่อนวัดเกตุแห่งนี้เป็นที่เรียน ที่สอนสัพพะวิชาอาถรรพ์ วิชาต่างๆดั่งเช่นวัดตูมครับและเป็นที่แวะพักของหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าในสมัยนั้น ก่อนจะล่องเข้ากรุงเทพฯ )และความซุกซนในวัยเด็กขณะที่เป็นเณรก็ใด้ยังตามสามเณรเชยไปอยู่ที่วัดนิเวศน์ธรรม หลวงพ่อฟื้นก็ยังได้ศึกษาหนังสือขอมกับวิชาอาคมเพิ่มเติมบ้าง ครั้งสามเณรเชยเข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯหลวงพ่อก็ยังได้ติดตามไปด้วยและยังได้เรียนรู้เพิ่มอีกเป็นปี ครั้งหนึ่งมีญาติหลวงพ่อไปหาที่วัดบอกว่าจะกลับอยุธยาจะไปไหว้หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง หลวงพ่อจึงได้กลับอยุธาอีกวระหนึ่ง และยังได้กลับมาเรียนเพิ่มเติมที่วัดเกตุอีกครั้ง อย่างจริงจังเพราะว่าโตขึ้นมาก และยังได้เจอกลับหลวงปู่ศุข อีกหลายครั้งและหลวงปู่ศุขยังได้สอนเคล็ดลับวิชาบางอย่างให้อีกด้วย และในขณะที่หลวงปู่ศุขไม่ได้ ล่องเข้ากรุงเทพฯก็จะศึกษากับอาจารน์หน่าย จนได้อายุ 20 ก็ได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารอยู่ 2 ปี โดยเข้าสังกัดกรมทหารราบที่ 3 ท่าช้างวังหลวง

มาจากดินแดนโพ้นทะเลแล้วมาตั้งรกรากในประเทศไทย มารดาชื่อ นางพลอย นามสกุลตาจันทร์เป็นชาวตำบลบ้านใหม่ มีพี่น้อง3คน
1. หลวงพ่อฟื้น ปุญญสิริ(ตาจันทร์)
2. นายฮวด ตาจันทร์ รับราชการ
3. นางกิมไล้ พานทอง

ชีวิตในเยาวัยของหลวงพ่อฟื้นเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เป็นโลกเลี้ยงยากบิดามารดาจึงได้แก้เคล็ดโดยให้ชื่อใหม่ว่าฟื้น และก็ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และก็ปรากฏว่าหลวงพ่อฟื้นได้กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยเป็นโรคเหมือนแต่ก่อน ครั้นเมื่อโตจนได้วัยของการศึกษาหาความรู้บิดามารดาจึงได้นำไปฝากที่วัดเกตุ และได้บวชเป็นสามเณรศึกษาหาความรู้ทั้งภาษาไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้จากอาจารน์หน่ายวัดเกตุ(ไม่ใช่อาจารน์หน่ายบ้านแจ้งนะครับ)

และยังได้เรียนวิชาควบคู้ไปด้าย(สมัยก่อนวัดเกตุแห่งนี้เป็นที่เรียน ที่สอนสัพพะวิชาอาถรรพ์ วิชาต่างๆดั่งเช่นวัดตูมครับและเป็นที่แวะพักของหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่าในสมัยนั้น ก่อนจะล่องเข้ากรุงเทพฯ )และความซุกซนในวัยเด็กขณะที่เป็นเณรก็ใด้ยังตามสามเณรเชยไปอยู่ที่วัดนิเวศน์ธรรม หลวงพ่อฟื้นก็ยังได้ศึกษาหนังสือขอมกับวิชาอาคมเพิ่มเติมบ้าง ครั้งสามเณรเชยเข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯหลวงพ่อก็ยังได้ติดตามไปด้วยและยังได้เรียนรู้เพิ่มอีกเป็นปี ครั้งหนึ่งมีญาติหลวงพ่อไปหาที่วัดบอกว่าจะกลับอยุธยาจะไปไหว้หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง หลวงพ่อจึงได้กลับอยุธาอีกวระหนึ่ง และยังได้กลับมาเรียนเพิ่มเติมที่วัดเกตุอีกครั้ง อย่างจริงจังเพราะว่าโตขึ้นมาก และยังได้เจอกลับหลวงปู่ศุข อีกหลายครั้งและหลวงปู่ศุขยังได้สอนเคล็ดลับวิชาบางอย่างให้อีกด้วย และในขณะที่หลวงปู่ศุขไม่ได้ ล่องเข้ากรุงเทพฯก็จะศึกษากับอาจารน์หน่าย จนได้อายุ 20 ก็ได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารอยู่ 2 ปี โดยเข้าสังกัดกรมทหารราบที่ 3 ท่าช้างวังหลวง







โดยสมาชิก ชื่อ Patlomseefaa Kmg
จากกลุ่ม พระกริ่งพระชัยวัฒน์ รูปหล่อ พระหมวดพระมหากษัตริย์